“น้ำทิ้ง RO” เมื่อพูดถึงคำว่าน้ำทิ้งขึ้นมาเชื่อได้ว่าหลาย ๆ คนอาจคิดว่าคงไม่สามารถใช้ประโยชน์อะไรได้จากน้ำประเภทนี้ได้มากมาย เนื่องจากเป็นน้ำที่เกิดจากการใช้แล้วและอยู่ในช่วงของการนำทิ้ง แต่จริง ๆ แล้วต้องบอกเลยค่ะว่า น้ำทิ้งแบบ RO นั้นสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้มากกว่าที่เราคิด แต่ก็อาจจะมีข้อระมัดระวังในการนำไปใช้ต่อที่ทุกคนต้องศึกษาเช่นกัน ซึ่งจะมีอะไรบ้าง ในบทความนี้ Live Healthy มีคำตอบมาฝากค่ะ
“น้ำทิ้ง RO” คืออะไร ต่างจากน้ำทิ้งธรรมดายังไง ทำไมจึงนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง?
ก่อนที่จะไปทำความเข้าใจในเรื่องของน้ำทิ้งแบบ RO กันนั้น ต้องขอเกริ่นสักนิดก่อนค่ะว่า ในปัจจุบัน ระบบกรองน้ำแบบ RO (Reverse Osmosis) นั้นได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งในครัวเรือน โรงงาน และอุตสาหกรรมต่าง ๆ แต่หลายคนอาจสงสัยว่า “น้ำทิ้งจากเครื่องกรอง RO” คืออะไร และสามารถนำไปใช้อะไรได้บ้างโดยไม่ให้เสียเปล่า? เราจะมาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันค่ะ
น้ำทิ้ง RO คืออะไร
น้ำทิ้ง RO (Reverse Osmosis Reject Water) คือ น้ำส่วนที่ถูกกรองออกมาจากระบบ RO ซึ่งระบบนี้ทำงานโดยการแยกน้ำบริสุทธิ์ออกจากสิ่งปนเปื้อนต่าง ๆ ผ่านเยื่อกรองละเอียด ระหว่างกระบวนการนี้ น้ำที่มีสิ่งเจือปนหรือความเข้มข้นของแร่ธาตุมากกว่าปกติจะถูกดันออกมาเป็น “น้ำทิ้ง” ซึ่งโดยทั่วไป น้ำทิ้ง RO จะมีปริมาณมากกว่าน้ำสะอาดที่ได้จากระบบ RO ประมาณ 2–3 เท่าเลยทีเดียวค่ะ
น้ำทิ้ง RO ต่างจากน้ำทิ้งธรรมดายังไง?
สำหรับน้ำทิ้ง RO นั้นจะไม่เหมือนกับน้ำทิ้งจากการใช้งานทั่วไปค่ะ เพราะน้ำทิ้งทั่วไป เช่น น้ำล้างจาน หรือน้ำซักผ้า นั้นจะผ่านการใช้งานที่มีสารเคมีหรือไขมันเจือปนโดยตรงค่ะ แต่น้ำทิ้งแบบ RO จะไม่ได้ผ่านการเจือปนในรูปแบบนี้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้น้ำทิ้ง RO แตกต่าง คือ ในน้ำนี้จะมี แร่ธาตุและสารละลายต่าง ๆ ที่ระบบ RO กรองออกจากน้ำสะอาด แล้วผลักออกมาไว้ในน้ำทิ้งแทน เช่น…
- แคลเซียม และ แมกนีเซียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ทำให้น้ำ “กระด้าง” หรือ น้ำที่มีแร่ธาตุบางชนิดละลายอยู่ในปริมาณสูง
- โซเดียม หรือความเค็มในระดับหนึ่ง
- ฟลูออไรด์ และอาจมี โลหะหนักบางชนิด ปะปนอยู่เล็กน้อย ขึ้นอยู่กับคุณภาพน้ำต้นทาง
ซึ่งพูดง่าย ๆ คือ แม้จะไม่ได้ผ่านการเจือปนแบบน้ำทิ้งทั่วไป แต่น้ำทิ้ง RO ก็จะมีพวกแร่ธาตุเหล่านี้อยู่ในปริมาณที่สูงกว่าน้ำประปาหรือน้ำดื่มทั่วไป ซึ่งถึงแม้จะดูใสสะอาด แต่ก็ไม่เหมาะสำหรับการดื่มหรือทำอาหารค่ะ
องค์ประกอบของน้ำทิ้ง RO มีอะไรบ้าง?
น้ำทิ้งจากระบบ RO (Reverse Osmosis) คือส่วนน้ำที่ถูกแยกออกมาจากกระบวนการกรองน้ำสะอาด โดยระบบ RO จะกรองเอาน้ำบริสุทธิ์ผ่านเยื่อเมมเบรน และผลักสิ่งเจือปนต่าง ๆ ไปไว้ในน้ำทิ้ง น้ำส่วนนี้จึงมีองค์ประกอบที่ต่างจากน้ำดื่มทั่วไป โดยเฉพาะในแง่ของความเข้มข้นของสารละลายต่าง ๆ ซึ่งอาจประกอบด้วย…
1. แร่ธาตุที่มีความเข้มข้นสูง
ระบบ RO จะดักจับแร่ธาตุส่วนใหญ่จากน้ำดิบ และผลักออกมาในน้ำทิ้ง เช่น แคลเซียม (Calcium), แมกนีเซียม (Magnesium) และโซเดียม (Sodium) ซึ่งแร่ธาตุเหล่านี้ในระดับที่สูงเกินไป อาจทำให้เกิดคราบขาวตามภาชนะหรือพื้นผิวที่ใช้น้ำทิ้งล้าง
2. ค่าสารละลายรวม (TDS: Total Dissolved Solids) สูง
TDS คือค่าที่ใช้วัดปริมาณของแข็งที่ละลายอยู่ในน้ำ เช่น แร่ธาตุ โลหะหนัก หรือสารประกอบต่าง ๆ ซึ่งน้ำทิ้ง RO มักมีค่า TDS สูงกว่าน้ำดื่มหลายเท่า และค่า TDS ที่สูงนี้เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ไม่เหมาะสำหรับการบริโภค
3. สิ่งปนเปื้อนจากแหล่งน้ำต้นทาง
หากน้ำดิบมีการปนเปื้อน เช่น คลอรีน (จากน้ำประปา), ฟลูออไรด์ และโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว หรือสารหนู แม้ระบบ RO จะกรองออกส่วนใหญ่ แต่น้ำทิ้งก็ยังมีสารเหล่านี้ในปริมาณที่สะสมอยู่ค่ะ
4. ค่า pH ที่เปลี่ยนแปลง
โดยทั่วไปแล้วน้ำทิ้ง RO นั้นอาจมีค่า pH ที่เอนไปทางกรดหรือด่างเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับคุณภาพน้ำดิบและประเภทของไส้กรองที่ใช้ หาก pH เบี่ยงเบนมากเกินไป อาจมีผลต่อการนำไปใช้ในบางวัตถุประสงค์ เช่น การรดน้ำต้นไม้ที่ไวต่อสภาพกรด-ด่าง อย่างไรก็ตาม ขอเน้นย้ำอีกครั้งค่ะว่า น้ำทิ้ง RO อาจดูสะอาด แต่ซ่อนความเข้มข้นของสารละลายไว้ในระดับสูง ดังนั้น ต้องเลือกนำไปใช้อย่างเหมาะสมนะคะ
น้ำทิ้งจากระบบ RO ใช้ทำอะไรได้บ้าง?
แม้ว่าน้ำทิ้ง RO จะไม่เหมาะสำหรับดื่มหรือใช้ประกอบอาหาร แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์เสมอไป หากมีการพิจารณาคุณภาพน้ำและเลือกใช้ให้เหมาะสม ก็สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันและอุตสาหกรรมได้หลายรูปแบบ เช่น…
1. รดน้ำต้นไม้
น้ำทิ้ง RO นั้นสามารถนำมารดน้ำต้นไม้ได้ค่ะ โดยเฉพาะพืชที่ชอบดินที่มีแร่ธาตุ ต้นไม้ที่ทนความกระด้างของน้ำได้ เช่น ไม้ประดับบางชนิด แต่ข้อควรระวังก็คือ ควรหลีกเลี่ยงใช้กับพืชที่ไวต่อค่า TDS หรือค่า pH ที่ผิดปกติ เช่น ผักไฮโดรโปนิกส์ เป็นต้น
2. ล้างพื้นหรือทำความสะอาดทั่วไป
ซึ่งน้ำทิ้งจากระบบ RO นั้นเหมาะสำหรับงานที่ไม่ต้องการน้ำบริสุทธิ์ค่ะ เช่น ล้างพื้น, ล้างรถ หรือล้างเครื่องมือที่ไม่ต้องการความสะอาดระดับปลอดเชื้อ โดยข้อดีคือ สามารถช่วยประหยัดน้ำสะอาด และลดค่าน้ำจากการใช้งานดังกล่าวได้มากขึ้นค่ะ
3. เติมในถังชักโครก
น้ำทิ้งจากระบบ RO นั้นสามารถนำไปใช้เติมถังพักน้ำในชักโครก เพื่อนำกลับมาใช้ได้อีกครั้งในการกดชำระ ซึ่งช่วยลดการใช้น้ำประปาได้ดี และไม่เป็นอันตรายต่อสุขาภิบาลอีกด้วยค่ะ
4. ใช้ในระบบหล่อเย็น (Cooling Tower)
โดยในบางอุตสาหกรรม น้ำทิ้ง RO ถูกนำมาใช้ในระบบหล่อเย็นหรือระบบทำความเย็นในเครื่องจักร ซึ่งช่วยลดการใช้น้ำจากแหล่งอื่น แต่ต้องมีการตรวจสอบค่าความกระด้างเพื่อป้องกันการเกิดคราบตะกรันในท่อ
5. ซักผ้า (กรณีเฉพาะ)
หากตรวจสอบแล้วว่าน้ำทิ้ง RO มีค่า TDS และความกระด้างไม่สูงจนเกินไป ก็สามารถนำมาใช้ซักผ้าได้ โดยเฉพาะในขั้นตอนล้างน้ำเปล่า แต่ต้องทดสอบก่อน เพื่อไม่ให้แร่ธาตุทำลายเส้นใยผ้าหรือทำให้เสื้อผ้าแข็งกระด้างค่ะ ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า “น้ำทิ้ง RO” ไม่ได้ไร้ค่าอย่างที่หลายคนเข้าใจ หากนำมาใช้ให้ถูกวิธีและผ่านการตรวจสอบเบื้องต้น น้ำประเภทนี้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ในกิจกรรมหลากหลายรูปแบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในบ้านเรือนและในระดับอุตสาหกรรม นอกจากจะช่วยประหยัดน้ำสะอาดแล้ว ยังเป็นการลดปริมาณน้ำเสียที่ไหลกลับคืนสู่สิ่งแวดล้อมอีกด้วย ถือเป็นแนวทางการใช้น้ำอย่างคุ้มค่าและยั่งยืนในยุคที่ทรัพยากรน้ำมีจำกัดค่ะ
ทำอย่างไรให้น้ำทิ้ง RO ปลอดภัยต่อการใช้งาน
ก่อนนำน้ำทิ้งจากระบบ RO มาใช้ซ้ำในชีวิตประจำวัน จำเป็นต้องมีการตรวจสอบและเตรียมการอย่างเหมาะสม เพื่อให้มั่นใจว่าการใช้งานจะปลอดภัยและไม่ก่อให้เกิดผลกระทบในระยะยาว ดังนี้ค่ะ…
- ตรวจวัดคุณภาพน้ำเบื้องต้น ควรวัดค่า TDS (Total Dissolved Solids) และ ค่า pH เป็นระยะ เพื่อประเมินความเข้มข้นของสารละลายและความเป็นกรด-ด่างของน้ำ หากค่า TDS สูงเกิน 1,000 ppm หรือค่า pH เบี่ยงเบนมากจากค่ากลาง (7.0) ควรหลีกเลี่ยงการใช้งานโดยตรง
- ทดสอบก่อนใช้กับต้นไม้หรือพืชสวน ต้นไม้บางชนิดสามารถทนต่อแร่ธาตุหรือความกระด้างได้ แต่พืชผักสวนครัว ผักไฮโดรโปนิกส์ หรือพืชที่มีรากบอบบาง อาจได้รับผลกระทบจากน้ำที่มีค่า TDS สูง เช่น ใบไหม้ หรือการสะสมของแร่ธาตุในดิน
- หลีกเลี่ยงการใช้งานที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค แม้น้ำทิ้ง RO จะดูสะอาดในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังอาจมีสารปนเปื้อน เช่น ฟลูออไรด์ โลหะหนัก หรือสารละลายที่ไม่สามารถกรองได้หมด จึงไม่ควรนำมาใช้ดื่มหรือประกอบอาหาร
- เก็บในภาชนะที่สะอาด ควรเก็บในภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด เพื่อป้องกันฝุ่น เชื้อโรค หรือแมลงตกค้าง ควรเก็บน้ำทิ้งในถังน้ำที่แห้ง สะอาด และปิดฝาให้สนิทอยู่เสมอ หากเก็บไว้ในพื้นที่ร้อนชื้น ควรหมั่นล้างถังอย่างน้อยเดือนละครั้ง
- กรองซ้ำหากจำเป็น หากต้องการปรับคุณภาพน้ำให้อ่อนลง สามารถกรองซ้ำด้วยระบบกรองธรรมดา เช่น ไส้กรองคาร์บอน หรือเรซินกรองความกระด้าง ก่อนนำมาใช้ เช่น รดน้ำต้นไม้หรือซักผ้า เพื่อลดผลกระทบจากสารละลายบางชนิด
อย่างไรก็ตาม แม้น้ำทิ้ง RO จะไม่สะอาดพอสำหรับการบริโภค แต่ก็สามารถนำไปใช้ต่อได้อย่างปลอดภัย หากมีการตรวจสอบคุณภาพน้ำอยู่เสมอ เช่น ควบคุมค่า TDS และ pH เก็บในถังที่สะอาด และกรองซ้ำในบางกรณี นอกจากนี้ยังควรระมัดระวังการใช้กับต้นไม้หรือพืชผักบางชนิด เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากแร่ธาตุสะสมในดินค่ะ
ข้อควรระวังในการนำน้ำทิ้ง RO มาใช้
แม้น้ำทิ้ง RO จะสามารถนำกลับมาใช้ได้ในหลายกรณี แต่ก็ยังมีข้อจำกัดบางอย่างที่ควรระวัง เพื่อป้องกันผลเสียที่อาจตามมา เช่น…
- ห้ามใช้บริโภคหรือปรุงอาหารโดยเด็ดขาด จากที่ได้กล่าวไปว่า แม้น้ำทิ้งจากระบบ RO แม้จะดูสะอาด แต่ก็ไม่ได้ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อหรือกรองสารพิษบางชนิดทั้งหมด จึงไม่ปลอดภัยพอสำหรับการบริโภค
- ติดฉลากให้ชัดเจน ถังที่ใช้เก็บน้ำทิ้ง RO ควรมีป้ายหรือข้อความชัดเจน เช่น “น้ำทิ้งจากระบบ RO – ห้ามดื่ม” เพื่อป้องกันการเข้าใจผิด โดยเฉพาะในครัวเรือนที่มีเด็กหรือผู้สูงอายุ
- ตรวจสอบการสะสมของแร่ธาตุในอุปกรณ์ หากใช้น้ำทิ้ง RO ในระบบต่าง ๆ เช่น ท่อ หัวฉีด หรือถังพัก ควรหมั่นตรวจสอบว่ามีคราบหินปูน หรือการอุดตันจากแร่ธาตุสะสมหรือไม่ เพื่อป้องกันความเสียหายต่ออุปกรณ์
- ไม่ควรปล่อยน้ำลงดินโดยตรงในปริมาณมาก น้ำทิ้งที่มีแร่ธาตุเข้มข้น หากปล่อยลงดินบ่อยครั้งหรือในปริมาณมาก อาจทำให้ดินแข็งตัว ดินเค็ม หรือเสียสมดุลทางแร่ธาตุ ซึ่งจะกระทบต่อการเจริญเติบโตของพืชในระยะยาว
- ระวังการใช้งานในพื้นที่ปิดหรืออับลม หากมีการเก็บน้ำทิ้งไว้ในที่อับหรือปิดสนิทโดยไม่มีการระบายอากาศ อาจเกิดการหมักหมมของจุลินทรีย์และเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ ควรเลือกจุดเก็บหรือใช้งานที่มีอากาศถ่ายเทดี
จากข้อมูลที่ได้กล่าวมาทั้งหมด ขอเน้นย้ำอีกครั้งค่ะว่าการนำน้ำทิ้ง RO กลับมาใช้งานต้องอยู่ภายใต้การดูแลที่เหมาะสม เช่น หลีกเลี่ยงการนำมาดื่มหรือนำไปใช้ประกอบอาหาร และควรติดฉลากเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด นอกจากนี้ยังต้องหมั่นตรวจสอบการสะสมของแร่ธาตุในอุปกรณ์ต่าง ๆ และหลีกเลี่ยงการปล่อยน้ำลงดินโดยตรง เพื่อป้องกันปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาวค่ะ
สรุปข้อควรรู้เกี่ยวกับ “น้ำทิ้งจากระบบ RO”
ท้ายที่สุด แม้น้ำทิ้งจากระบบ RO จะไม่เหมาะสำหรับการบริโภคโดยตรง แต่หากนำมาใช้ให้ถูกวิธีก็สามารถสร้างประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่า เช่น ใช้รดน้ำต้นไม้ ล้างพื้น เติมในถังชักโครก หรือในระบบหล่อเย็นของอุตสาหกรรม ทั้งนี้ควรตรวจสอบคุณภาพน้ำเป็นระยะ หลีกเลี่ยงการใช้งานที่อาจเสี่ยงต่อสุขภาพ และไม่ควรปล่อยลงดินในปริมาณมาก เพื่อให้การใช้งานน้ำทิ้ง RO ปลอดภัยและยั่งยืนในระยะยาวค่ะ
บทความที่น่าสนใจ
- เครื่องกรองน้ำ UV คืออะไร มีข้อดีข้อเสีย คุ้มกว่า RO หรือไหม
- เครื่องกรองน้ำบาดาล ใช้ในบ้าน คุ้มไหม ระบบ RO ดีกว่ายังไง
- ติดตั้งเครื่องกรองน้ำเอง ดีไหม ติดตั้งอย่างไรไม่ให้มีปัญหาตามมา
เครื่องกรองน้ำ RO ทำไมต้อง Live Healthy
สำหรับใครที่ต้องการดื่มน้ำสะอาดและกำลังมองหาเครื่องกรองน้ำดื่มที่มีระบบกรองน้ำดื่มคุณภาพดี การันตีด้วยรีวิวจากผู้ใช้มากมาย และบริการหลังการขายที่ดีเยี่ยม ทางเรา LIVE HEALTHY มีเครื่องกรองน้ำด่างจัดจำหน่ายหลากดีไซน์หลายประเภท ทั้งแบบตั้งโต๊ะและแบบตั้งพื้น เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าทุกท่าน เราเป็นผู้จัดจำหน่ายและให้บริการเครื่องกรองน้ำอัลคาไลน์ชั้นนำจากบริษัท KYK CO.,LTD ของเกาหลีมาอย่างยาวนานถึง 13 ปี ตัวเครื่องสามารถผลิตน้ำที่ให้ค่า pH ได้ถึง 9 ระดับ แถมยังมีอายุการใช้งานยาวนานมากกว่า 10 ปีขึ้นไป นอกจากการใช้งานที่คุ้มค่าแล้ว ทางเรายังมีบริการหลังการขายแบบ On Site Service โดยช่างผู้เชี่ยวชาญ พร้อมดูแลเครื่องกรองน้ำของท่านถึงที่บ้าน หากใครกังวลใจเรื่องไส้กรองตกรุ่น ทางเรามีไส้กรองพร้อมเปลี่ยนทันที สนใจสั่งซื้อหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมคลิกลิงก์นี้ได้เลยค่ะ