ดื่มน้ำวันละกี่ลิตร

ไขข้อข้องใจ!! ควรดื่มน้ำวันละกี่ลิตรถึงจะดีต่อร่างกาย

หลายคนคงได้ยินมาว่า การดื่มน้ำที่ดีจะต้องดื่มน้ำประมาณ 8 – 10 แก้วต่อวัน แต่ในความเป็นจริงแล้วคุณอาจควรดื่มน้ำน้อยหรือมากกว่า อันเนื่องมาจากสภาพร่างกาย, สภาพแวดล้อม และการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในแต่ละวันด้วย ดังนั้นเราจะมาไขข้อข้องใจที่ว่าควรดื่มน้ำวันละกี่ลิตรถึงจะดีต่อร่างกาย เพื่อให้คุณตั้งเป้าหมายในการดื่มน้ำที่ชัดเจน ซึ่งจะช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีในระยะยาวนั่นเองค่ะ

แล้วคุณควรดื่มน้ำวันละกี่ลิตรดี

เนื่องจากร่างกายของแต่ละคนต้องการน้ำปริมาณที่ไม่เท่ากัน ทางเราขอแนะนำให้คุณคำนวณจากสูตรความต้องการน้ำของร่างกาย ดังต่อไปนี้

น้ำหนัก (กิโลกรัม) คูณด้วย 2.2 คูณด้วย 30 และหารด้วย 2 เท่ากับปริมาณน้ำที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน

ยกตัวอย่างเช่น น้ำหนัก 60 กิโลกรัม x 2.2 x 30 / 2 จะเท่ากับ 1,980 มิลลิลิตร หรือ 1.9 – 2 ลิตรโดยประมาณ

ตารางดื่มน้ำด่างให้ตรงตามความต้องการของร่างกาย

ในที่นี้เราขอแบ่งเป็นจำนวนแก้วที่คุณควรดื่มในแต่ละวันทั้งหมด 8 แก้วตามช่วงเวลาต่าง ๆ ดังนี้

ดื่มน้ำวันละกี่ลิตร

1. เวลา 7:00 น. (1 แก้ว)

อย่างแรกที่คุณควรทำหลังจากตื่นนอน ไม่ใช่การล้างหน้าแปรงฟัน แต่เป็นการดื่มน้ำแก้วแรกทันที เนื่องจากร่างกายขาดน้ำมาตลอดทั้งคืน การดื่มน้ำจะช่วยให้ร่างกายชุ่มชื้นและกระตุ้นประสิทธิภาพการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ควรดื่มก่อนรับประทานอาหารเช้าอย่างน้อย 30 นาที เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำไปรบกวนระบบย่อยอาหารจนกินข้าวได้น้อยลง

ทั้งนี้อาจมีหลายคนสงสัยว่า แล้วถ้าเราติดดื่มชากาแฟเป็นแก้วแรกแทนน้ำด่างจะเป็นอะไรไหม? ยังไงก็เป็นน้ำเหมือนกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วชากาแฟมีส่วนผสมของคาเฟอีน ซึ่งเป็นสารที่กระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำปัสสาวะมากขึ้น ส่งผลให้ร่างกายขับน้ำออกโดยไม่จำเป็น แทนที่จะเติมน้ำเพื่อกระตุ้นระบบการทำงานต่าง ๆ กลับขับน้ำออกจากร่างกาย ทำให้ร่างกายไม่ตื่นตัวหนักกว่าเดิม ดังนั้นน้ำด่างจึงเหมาะกับการดื่มเป็นแก้วแรกของวันมากที่สุดค่ะ

2. เวลา 9:00 น. (แก้วที่ 2)

ควรดื่มหลังจากรับประทานอาหารเช้าประมาณ 1 ชั่วโมง

3. เวลา 11:30 น. (แก้วที่ 3)

ดื่มน้ำ 1 แก้วก่อนรับประทานอาหารกลางวันประมาณ 30 นาที นอกจากจะช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหารให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพแล้ว ยังช่วยให้ร่างกายนำอาหารไปใช้งานได้รวดเร็วขึ้น ส่งผลให้ระบบเผาผลาญและระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างเต็มที่อีกด้วย

4. เวลา 13:30 น. (แก้วที่ 4)

ดื่มน้ำ 1 แก้ว หลังจากรับประทานอาหารกลางวันประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น แต่เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ใครหลายคนอาจวุ่นอยู่กับการทำงาน ทางเราขอแนะนำให้ใช้วิธีจิบเป็นระยะ เพราะนอกจากจะช่วยดับกระหายแล้ว ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวอีกด้วย ทั้งนี้ไม่ควรดื่มรวดเดียวหมดแก้ว เพราะนอกจากจะดับกระหายได้ไม่นานแล้ว ยังปวดท้องปัสสาวะง่าย ต้องลุกไปเข้าห้องน้ำบ่อยอีกด้วย

5. เวลา 15:00 น. (แก้วที่ 5)

ในช่วงระหว่างการทำงาน การแวะพักดื่มน้ำสักแก้ว จะช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองให้ตื่นตัว พร้อมทำกิจกรรมต่าง ๆ ลากยาวมาจนถึงตอนเย็นได้เป็นอย่างดี

6. เวลา 17:00 น. (แก้วที่ 6)

การดื่มน้ำ 1 แก้วจะช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มเร็วและป้องกันไม่ให้รับประทานอาหารมากเกินไปในมื้อค่ำ เนื่องจากมื้อเย็นเป็นมื้อที่ร่างกายไม่ได้นำพลังงานไปใช้ทำกิจกรรมต่าง ๆ แล้ว

7. เวลา 20:00 น. (แก้วที่ 7)

ทางเราแนะนำให้คุณดื่มน้ำ 1 แก้ว หลังรับประทานอาหารเย็น เนื่องจากน้ำจะช่วยให้อาหารที่ทานเข้าไป โดยเฉพาะอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เคลื่อนผ่านระบบย่อยอาหารและดูดซับน้ำ ช่วยสร้างอุจจาระอย่างสม่ำเสมอ

8. เวลา 22:00 น. (แก้วที่ 8)

สำหรับน้ำแก้วสุดท้ายนี้ควรดื่มอย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนนอน ซึ่งจะช่วยให้กระบวนการผลัดเซลล์ระหว่างนอนหลับทำงานเต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งกระตุ้นให้ระบบเผาผลาญของร่างกายทำงานดีขึ้น เนื่องจากร่างกายนำพลังงานจากมื้ออาหารก่อนหน้านี้ออกมาใช้และเผาผลาญจนหมด แต่หากคุณรับประทานอาหารเสร็จแล้วนอนทันที ส่งผลให้อาหารถูกย่อยไม่หมดและกลายเป็นเซลล์ไขมัน ก่อให้เกิดโรคอ้วนตามมา นอกจากนี้ยังพ่วงด้วยปัญหาสุขภาพอื่น ๆ อย่างเช่นท้องอืด อันเกิดจากการหมักหมมของความร้อนภายในร่างกายและกลายเป็นแก๊สส่วนเกินในกระเพาะ หรือแม้แต่กรดไหลย้อนที่เกิดจากกรดในกระเพาะไหลย้อนขึ้นมา

คำแนะนำเพิ่มเติมในการดื่มน้ำด่าง

1. ดื่มน้ำช่วงเวลาออกกำลังกาย

ในกรณีที่คุณไม่แน่ใจว่าควรดื่มน้ำวันละกี่ลิตรในช่วงที่ต้องออกกำลังกาย ทางเราขอแนะนำหลักการดื่มทั้งก่อน, ระหว่างออกกำลังกาย และหลังออกกำลังกายดังต่อไปนี้

  • ดื่มน้ำปริมาณ 500 – 600 มิลลิลิตร ก่อนออกกำลังกาย 2 – 3 ชั่วโมง
  • ดื่มน้ำปริมาณ 200 – 300 มิลลิลิตร ก่อนออกกำลังกาย 30 นาที
  • ดื่มน้ำระหว่างออกกำลังกายปริมาณ 200 – 300 มิลลิลิตร ทุก 10 – 20 นาที
  • ดื่มน้ำหลังจากออกกำลังกายไม่เกิน 30 นาที หากดื่มหลังจากนี้ แนะนำให้จิบไปเรื่อย ๆ เพื่อให้ร่างกายไม่ขาดน้ำ
  • ดื่มน้ำหลังจากออกกำลังกายปริมาณ 1 – 1.5 ลิตร/ต่อน้ำหนักตัวที่หายไป 1 กิโลกรัม

2. ดื่มน้ำก่อนอาบน้ำ

ทางเราขอแนะนำให้ดื่มน้ำด่าง 1 แก้วก่อนอาบน้ำก่อนเพื่อช่วยลดความดันโลหิตในร่างกายให้กลับเข้าสู่สภาวะปกติ ช่วยป้องกันภาวะสมองขาดเลือดได้อีกด้วย และที่สำคัญการดื่มน้ำก่อนอาบน้ำยังช่วยคืนความชุ่นชื้นให้แก่ผิวหลังการอาบน้ำ โดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้ที่มีปัญหาความดันโลหิตสูง

3. ดื่มน้ำเมื่อรู้สึกเหนื่อยล้า

อาการเหนื่อยส่วนหนึ่งเกิดจากน้ำในร่างกายลดลง ส่งผลให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ เมื่อร่างกายมีออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่พอ ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนเพลียได้ด้วยเช่นกัน หากคุณไม่ได้ทำกิจกรรมหนักอย่างเช่น การออกกำลังกายหรือเล่นกีฬา เราขอแนะนำให้คุณดื่มน้ำอย่างน้อย 1 แก้ว เพื่อเติมความสดชื่นให้แก่ร่างกายค่ะ

4. ดื่มน้ำเมื่อปวดหัว

นอกจากภาวะขาดน้ำจะทำให้รู้สึกเหนื่อยง่ายแล้ว ยังกระตุ้นอาการไมเกรนให้กำเริบมากขึ้นด้วย แต่เมื่อคุณดื่มน้ำเข้าไปจะช่วยบรรเทาอาการปวดให้เบาลง

ทำไมต้องเครื่องกรองน้ำ RO จาก Live Healthy

ถึงแม้ว่าคุณจะรู้ว่าควรดื่มน้ำวันละกี่ลิตรดี แต่การซื้อน้ำขวดมาดื่มตลอดเวลา อาจเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับใครหลายคน และการมีเครื่องกรองน้ำที่สามารถกรองน้ำสะอาดพร้อมดื่มตลอดเวลาก็จะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ที่รักสุขภาพเช่นคุณได้เป็นอย่างดี ว่าแต่ทำไมต้องเครื่องกรองน้ำ RO จาก Live Healthy ด้วยล่ะ?

ซื้อเครื่องกรองน้ำ RO
Nano Alkaline – Classic Black Hot & Cold #Table

ก็เพราะทางเรามีเครื่องกรองน้ำ RO คุณภาพดีให้คุณเลือกมากมายตามรูปแบบการใช้งานที่เหมาะสมโดยแบ่งออกเป็น 3 หมวด ได้แก่ หมวดพรีเมี่ยม ซีรี่ย์ KYK, หมวดระบบกรองแบบ Nano Alkaline และหมวดระบบกรองแบบ RO Alkaline เราเป็นบริษัทจัดจำหน่ายและให้บริการเครื่องกรองน้ำด่างมานานถึง 13 ปี จึงเป็นที่ไว้วางใจของเหล่าผู้ใช้มากมาย ทั้งสถานพยาบาล, คลินิก, หน่วยงานและประชาชนทั่วไปที่หันมาดูแลสุขภาพตัวเองด้วยการดื่มน้ำสะอาดคุณภาพดี ทำให้เรามียอดขายอันดับ 1 ด้านในน้ำอัลคาไลน์ในประเทศไทย

เหตุผลง่าย ๆ ที่ใครหลายคนเลือกซื้อเครื่องกรองน้ำ RO

นอกจากคุณภาพเครื่องกรองน้ำที่ดีเยี่ยม ทางเรายังมีบริการแบบ On Site Service คุณจึงไม่ต้องยกเครื่องมาที่ศูนย์ด้วยตัวเองหากเครื่องมีปัญหา เพราะเรามีทีมงานพร้อมดูแลคุณถึงบ้าน (ตามจังหวัดที่มีศูนย์บริการ) อีกทั้งทางเรายังคงใช้ขนาดไส้กรองขนาดเดิม แม้จะเปลี่ยนบอดี้หรือดีไซน์ก็ตาม หมดปัญหาที่ต้องซื้อเครื่องกรองน้ำใหม่ให้เหมาะสมกับไส้กรอง นอกจากนี้ตัวเครื่องของเราสามารถใช้งานได้นานถึง 10 ปี จึงเหมาะสำหรับผู้รักสุขภาพและผู้ที่ต้องการประหยัดค่าน้ำดื่มในระยะยาวอีกด้วย

สำหรับใครที่อ่านจบแล้วสนใจซื้อเครื่องกรองน้ำ RO คุณภาพดีสักเครื่อง การันตีด้วยรีวิวจากผู้ใช้มากมาย และบริการหลังการขายที่ดีเยี่ยม ทางเรา LIVE HEALTHY มีเครื่องกรองน้ำด่างจัดจำหน่ายหลากดีไซน์หลายประเภท ทั้งแบบตั้งโต๊ะและแบบตั้งพื้น เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าทุกท่าน เราเป็นผู้จัดจำหน่ายและให้บริการเครื่องกรองน้ำอัลคาไลน์ชั้นนำจากบริษัท KYK CO.,LTD ของเกาหลีมาอย่างยาวนานถึง 13 ปี ตัวเครื่องสามารถผลิตน้ำที่ให้ค่า pH ได้ถึง 9 ระดับ แถมยังมีอายุการใช้งานยาวนานมากกว่า 10 ปีขึ้นไป นอกจากการใช้งานที่คุ้มค่าแล้ว ทางเรายังมีบริการหลังการขายแบบ On Site Service โดยช่างผู้เชี่ยวชาญ พร้อมดูแลเครื่องกรองน้ำของท่านถึงที่บ้าน หากใครกังวลใจเรื่องไส้กรองตกรุ่น ทางเรามีไส้กรองพร้อมเปลี่ยนทันที สนใจสั่งซื้อหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมคลิกลิงก์นี้ได้เลยค่ะ

บทความที่น่าสนใจ

Shopping Cart