อากาศร้อน ๆ แบบนี้หลายคนอาจกำลังต้องการน้ำดื่มเย็น ๆ มาดื่มให้ชื่นใจซะที แต่หากดื่มน้ำบางชนิดมากเกินไปก็อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายในระยะยาวได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นการหาน้ำดื่มเย็น ๆ ที่ดีต่อสุขภาพจึงเป็นเรื่องสำคัญที่คุณไม่ควรละเลย ว่าแต่เลือกน้ำดื่มเย็น ๆ อย่างไรดี วันนี้เรามีคำแนะนำค่ะ
รับหน้าร้อนด้วยเครื่องดื่มเย็นๆ ต่อไปนี้ ชื่นใจสบายกายแน่นอน
1. น้ำมะนาวโซดา
อากาศร้อน ๆ แบบนี้ การได้ดื่มน้ำมะนาวโซดาซ่า ๆ สักแก้วถือว่าเป็นอะไรที่สดชื่นมากเลยทีเดียว น้ำมะนาวอุดมไปด้วยกรดซิตริก (Citric acid) และที่สำคัญน้ำมะนาวยังมีองค์ประกอบคล้ายกรดไฮโดรคลอริก (Hydrochloric acid) ในกระเพาะอาหาร จึงมีสรรพคุณช่วยย่อยอาหาร ช่วยย่อยอาหารได้ดียิ่งขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วงสูงวัย กระตุ้นการทำงานของลำไส้ให้ขับสารพิษออกมาผ่านทางอุจจาระ บรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ นอกจากนี้ยังมีโพแทสเซียม (Potassium) ที่มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาทและสมอง ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกายและเสริมประสิทธิภาพการดูดซึมธาตุเหล็กของร่างกาย ป้องกันการเกิดหวัดง่าย ต้านการอักเสบของร่างกาย คอแสบแห้ง ไอเป็นเลือด คลื่นไส้ อาเจียน และอื่น ๆ อีกมาก สำหรับวิธีการดื่มนั้นสามารถผสมโซดาก็ได้ ผสมกับน้ำผึ้งในอัตราส่วนเท่ากัน ผสมกับน้ำเกลือเพียงเล็กน้อย หรือน้ำมะนาวผสมเกลือและน้ำตาลเพียงเล็กน้อยก็ได้เช่นกันค่ะ
2. นมเย็น
นม 1 แก้ว อุดมไปด้วยไขมันดีที่ช่วยเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกาย มีโปรตีน (Protein) ที่มีส่วนช่วยในการสร้างกระดูกและเม็ดเลือด มีแคลเซียม (Calcium) ปริมาณสูงที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและฟัน ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งลำไส้และความดันโลหิต ช่วยกระตุ้นให้เลือดแข็งตัวไวเมื่อเกิดบาดแผล มีแลคโตส (Lactose) ที่ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของสมอง มีวิตามิน B2, B12, K ช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบประสาทและสมอง ป้องกันการเกิดโรคลำไส้ โรคฟันผุ โรคลักปิดลักเปิด นอกจากนี้หากคุณเป็นสายออกกำลังกายแล้วกำลังมองหาน้ำดื่มดับกระหายระหว่างออกกำลังกาย นมเย็น ๆ สักแก้วจะช่วยพัฒนากล้ามเนื้อและระบบปราสาท อีกทั้งช่วยลดอาการตะคริวระหว่างและหลังการออกกำลังกายได้เป็นอย่างดี สำหรับปริมาณนมที่ควรดื่มตามช่วงวัยจะแบ่งเป็นวัยต่าง ๆ ดังนี้
- ทารก 0-5 เดือน ควรดื่มประมาณ 210 มก.
- ทารก 6-11 เดือน ควรดื่มประมาณ 260 มก.
- วัยเด็ก 1-3 ปี ควรดื่มประมาณ 500 มก.
- วัยเด็ก 4-8 ปี ควรดื่มประมาณ 800 มก.
- วัยรุ่น 10-18 ปี ควรดื่มประมาณ 1,000 มก. ผู้หญิงตั้งครรภ์ (14-18 ปี) ควรดื่มประมาณ 1,000 มก.
- วัยผู้ใหญ่ 19-50 ปี ควรดื่มประมาณ 800 มก. ผู้หญิงตั้งครรภ์ (19-50 ปี) ควรดื่มประมาณ 800 มก.
- วัยสูงอายุ 50 ปีขึ้นไป ควรดื่มประมาณ 1,000 มก.
3. น้ำใบเตย
ใบเตยอุดมไปด้วยแคโรทีนอยด์ (Carotenoids) เป็นสารสร้างเม็ดสีในพืชที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ได้รับความเสียหายจากอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ, มีวิตามินบี 3 หรือไนอะซิน (Niacin) ที่ช่วยซ่อมแซมความเสียหายของ DNA ที่ถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ ลดคอเลสเตอรอลชนิดเลว หรือ LDL (Low-Density Lipoproteins) และไตรกลีเซอไรด์ (Trigleceride) ในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2, มีไฟโตนิวเทรียนท์ (Phytonutrients) เป็นสารประกอบตามธรรมชาติที่อยู่ในพืชซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการเกิดโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์จากโรคระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายทำลายตัวเอง หรือโรคลูปัส (Lupus), มีกรดแทนนิก (Tannic acid) ช่วยรักษาอาการผิดปกติทางผิวหนังจากบาดแผลหรือผิวหนังไหม้ ช่วยให้แผลสมานตัวไวขึ้น แต่น้ำใบเตยไม่ควรรับประทานมากเกินไปเพราะมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ และอาจเกิดท้องร่วงได้ แนะนำให้ดื่มตอนเช้า 1 แก้ว และหลังมื้ออาหารเย็นหรือก่อนนอน 1 แก้ว นอกจากนี้ยังต้องระมัดระวังปริมาณน้ำตาลในน้ำตาลด้วยนะคะ เพราะในปัจจุบันผูผลิตมักใส่น้ำตาลเพื่อเพิ่มรสชาติหวาน จึงเสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลในเลือดสูงและกลายเป็นโรคเบาหวานตามมาอีกด้วยค่ะ หากเป็นไปได้แนะนำให้ต้มดื่มเองจะดีที่สุดค่ะ
4. น้ำมะตูม
ตามตำรายาไทยกล่าวไว้ว่าน้ำมะตูมมีสรรพคุณช่วยยับยั้งเชื้ออีโคไล (Escherichia coli) ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการท้องเสีย มีฤทธิ์เป็นยาระบายในผู้ที่ขับถ่ายยาก ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด บรรเทาอาการไข้ แก้อาการไข้จับสั่น อาการไอ ลดเสมหะในผู้ป่วยไข้และผู้ป่วยโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง รักษาแผลในกระเพาะอาหารที่เกิดจากเชื้อเอชไพโลไร (H. Pylori) รักษาโรคเบาหวานโดยลดระดับน้ำตาลในเลือดลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากการทดลองพบว่ามะตูดมีสารที่ช่วยในการยับยั้งเซลล์มะเร็งต่อมน้ำเหลืองและมะเร็งระบบประสาทนิวโรบลาสโตมา สำหรับปริมาณที่สามารถดื่มได้จะอยู่ที่ 2-3 แก้วต่อวัน ทั้งนี้น้ำมะตูมอาจไม่เหมาะสำหรับคนบางกลุ่ม เช่น ผู้ที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด เนื่องจากน้ำมะตูมมีผลต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดทั้งระหว่างและหลังผ่าตัด ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่อาจทานควบคู่กับยารักษาโรคเบาหวาน จะต้องปรึกษาแพทย์ทุกครั้งเพื่อป้องกันไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงมากเกินไป
5. น้ำเสาวรส
เสาวรสมีไฟเบอร์และกากใยอาหาร ออกฤทธิ์กระตุ้นระบบขับถ่ายและช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระ ป้องกันโรคเรื้อรังอย่างมะเร็งต่าง ๆ ต้านการอักเสบและบรรเทาอาการปวดต่าง ๆ อาการหอบหืด และลดความเครียดได้เป็นอย่างดี บำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง ช่วยให้นอนหลับสบายมากขึ้น มีวิตามิน A ที่ช่วยบำรุงสายตา, มีโพแทสเซียมสู ช่วยให้ร่างกายส่งออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้อย่างเพียงพอ เป็นเหตุทำให้สมองปลอดโปร่ง ร่าเริงแจ่มใส, มีฟอสฟอรัส ช่วยบำรุงเหงือกและฟันให้แข็งแรง, มีแมกนีเซียม ช่วยเผาผลาญไขมันและเปลี่ยนเป็นพลังงานได้อย่างดีเยี่ยม, มีแคลเซียม ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน และมีคุณประโยชน์อื่น ๆ อีกมาก แม้ว่าน้ำเสาวรสจะเป็นประโยชน์ต่อร่างกายแต่ก็ไม่ควรดื่มมากเกินไปเป็นเวลานาน และที่สำคัญควรระมัดระวังในการดื่มหากคุณอยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น สตรีมีครรภ์และผู้ที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร หรือหากดื่มมากเกินไปอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงอื่น ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อทำงานผิดปกติ วิงเวียนศีรษะ ความรู้สึกนึกคิดผิดปกติ ง่วงซึม คลื่นไส้อาเจียน หัวใจเต้นเร็ว ฯลฯ
6. น้ำเก๊กฮวย
เป็นหนึ่งในสมุนไพรยอดนิยมที่มีสรรพคุณช่วยดับร้อนเพราะดอกเก๊กฮวยมีฤทธิ์เย็น บรรเทาอาการร้อนใน กระหายน้ำ, มีเอนไซม์ย่อยอาหารที่ช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหาร ส่งเสริมการเผาผลาญและสลายไขมันในร่างกาย, มีแคลเซียมและฟอสฟอรัสช่วยบำรุงกระดูก, มีฟลาโวนอยด์และโพลีฟีนอลที่ช่วยลดระดับความดันโลหิตด้วยการขยายหลอดเลือด ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด บรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะ มีฤทธิ์ต้านการอักเสบจากอนุมูลอิสระและลดการอักเสบภายในร่างกาย ช่วยบำรุงผิว ลดเลือนริ้วรอย
7. น้ำใบบัวบก
ใบบัวบกมีสรรพคุณทางยาที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน (Elastin) ที่มีส่วนช่วยบำรุงผิวพรรรให้เปล่งปลั่งสดใส, มีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงดวงตา, มีกรดแอซีติก (Acetic acid) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยดักจับตัวโปรตีนของไวรัสและต้านอนุมูลอิสระจากการสันดาปภายในร่างกาย จึงช่วยต้านการอักเสบและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง, มีสารเกี่ยวกับการทำงานของระบบประสาทโดยรวม ช่วยปรับเคมีในสมองและลดภาวะเครียด อาการซึมเศร้า อีกทั้งลดความเสี่ยงต่ออัลไซเมอร์อีกด้วย, ใบบัวบกมีช่วยยับยั้งการดูดซึมกลูโคสโดยไม่ส่งผลเสียต่อตับและการหลั่งอินซูลินของตับอ่อน จึงช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้เป็นอย่างดี
8. น้ำด่าง
เป็นน้ำที่มีค่า pH ประมาณ 8 – 9 ซึ่งมีค่า pH สูง กว่าน้ำดื่มทั่วไป น้ำด่างมีคุณสมบัติเป็นด่างที่ช่วยปรับสมดุลกรด-ด่างภายในร่างกาย ให้สมดุล ป้องกันกรดที่ได้รับจากน้ำอัดลม ชา กาแฟ และที่สำคัญน้ำด่างมีแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายผสมอยู่ เช่น แคลเซียม, แมกนีเซียม, โซเดียม และมีกลุ่มโมเลกุลขนาดเล็ก ช่วยให้ร่างกายดูดซึมและนำไปใช้ได้ง่าย น้ำด่างจึงช่วยขับล้างสารพิษออกจากร่างกายได้ดีกว่าน้ำดื่มทั่วไป อีกทั้งมีประจุลบที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระให้แก่ร่างกายได้อีกด้วยค่ะ น้ำด่างสามารถดื่มได้ทุกวันเหมือนน้ำเปล่าทั่วไป แต่หากต้องการให้น้ำด่างเสริมประสิทธิภาพในร่างกายได้อย่างเต็มที่ แนะนำให้ดื่มตามตารางเวลาการดื่มน้ำโดยคำนวณจากน้ำหนัก (กิโลกรัม) คูณด้วย 2.2 คูณด้วย 30 แล้วหารด้วย 2 ก็จะได้ปริมาณน้ำที่ควรดื่มในแต่ละวันที่ตรงกับร่างกายของคุณมากที่สุดค่ะ
ซื้อเครื่องกรองน้ำยี่ห้อไหนดี ทำไมต้อง Live healthy
แม้ว่าคุณจะรู้อยู่แล้วว่าน้ำด่าง ดีไหม แต่หากเลือกดื่มน้ำด่างกับแบรนด์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ก็อาจเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพในระยะยาวได้ด้วยนะคะ เรา Live healthy เป็นบริษัทจัดจำหน่ายและให้บริการเกี่ยวกับเครื่องกรองน้ำด่างมานานถึง 13 ปี จนเป็นที่ไว้วางใจของเหล่าผู้ใช้มากมาย ทั้งสถานพยาบาล, หน่วยงานราชการและกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ต้องการดูแลสุขภาพตัวเอง ทำให้เรามียอดขายด้านน้ำด่างเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย เนื่องจากความต้องการที่หลากหลายของกลุ่มลูกค้า ทางเราจึงพัฒนาเครื่องกรองน้ำออกมาวางจำหน่ายทั้งหมด 3 หมวด ได้แก่ หมวดพรีเมี่ยม ซีรี่ย์ KYK, หมวดระบบกรองแบบ Nano Alkaline และหมวดระบบกรองแบบ RO Alkaline ตามรูปแบบการใช้งาน
นอกจากคุณภาพเครื่องกรองน้ำที่ดีเยี่ยมแล้ว ทางเราให้ความสำคัญกับการให้บริการแบบ On Site Service เมื่อเครื่องกรองมีปัญหา คุณจึงไม่ต้องยกเครื่องมาที่ศูนย์บริการด้วยตัวเอง เรามีทีมงานพร้อมดูแลคุณถึงบ้าน (ในจังหวัดที่มีศูนย์บริการ) บางยี่ห้อเปลี่ยนโฉมทุก ๆ 5 ปี ทำให้ต้องยกเลิกการผลิตไส้กรองลงไป ภาระจึงตกอยู่กับลูกค้าที่ต้องซื้อเครื่องกรองใหม่ แม้จะเปลี่ยนบอดี้หรือดีไซน์ก็ตาม แต่ทางเรายังคงใช้ขนาดไส้กรองเท่าเดิม จึงหมดปัญหาต้องซื้อเครื่องใหม่ นอกจากนี้ตัวเครื่องของเรายังมีอายุการใช้งานมากกว่า 10 ปีขึ้นไป จึงเหมาะสำหรับผู้ที่รักสุขภาพและต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องน้ำดื่มในระยะยาวอีกด้วย