ไม่ควรดื่มน้ำ เวลาไหน

อยากสุขภาพดี ไม่ควรดื่มน้ำ เวลาไหนบ้าง มาดูกันค่ะ

ว่าแต่การดื่มน้ำจะมีประโยชน์ต่อร่างกายเพราะน้ำเป็นส่วนประกอบอื่นของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย อีกทั้งนำพาสารอาหารไปหล่อเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย แต่หลายคนอาจไม่รู้มาก่อนว่ามีบางเวลาเหมือนกันที่เราไม่ควรดื่มน้ำ ว่าแต่ไม่ควรดื่มน้ำ เวลาไหนบ้าง มาดูกันเลยค่ะ

ไม่ควรดื่มน้ำ เวลาไหนบ้าง

1. ช่วงก่อนมื้ออาหาร

โดยทั่วไปแล้วหลายคนแนะนำให้ดื่มน้ำก่อนรับประทานอาหารอย่างน้อย 1 แก้วก่อนรับประทานอาหารในแต่ละมื้ออย่างน้อย 30 นาที เพื่อเตรียมความพร้อมให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่หากคุณดื่มรวดเดียวจบอาจทำให้คุณจุกเสียดและรับประทานอาหารได้น้อยลง เป็นเหตุทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันได้น้อยลง ดังนั้นค่อย ๆ จิบไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึง 30 นาทีก่อนมื้ออาหารจะดีกว่าค่ะ

2. ก่อนออกกำลังกาย

แม้ว่าการออกกำลังกายจะทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำปริมาณมากเพื่อปรับสมดุลของอุณหภูมิในร่างกายไม่ให้ฮีทมากเกินไป แต่ยังมีอีกหลายคนที่เข้าใจผิดและเตรียมความพร้อมด้วยการดื่มน้ำก่อนออกกำลังกายไปในปริมาณมากเกินไปก็อาจเกิดอาการจุกเสียดระหว่างออกกำลังกาย ส่งผลให้ออกกำลังกายได้น้อยลง ทั้งนี้แนะนำให้จิบน้ำแก้วเล็ก ๆ ทีละน้อยก่อนออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีแทนค่ะ

3. ก่อนนอน

จริง ๆ แล้วมีการยืนยันจากบทความโดย นพ.ศิริอนันต์ ประสิทธิ์ รพ. ศูนย์ยะลา จ. ยะลา ออกมายืนยันแล้วว่าคุณควรงดดื่มน้ำก่อนเข้านอน 4 ชั่วโมง ซึ่งจะช่วยลดปริมาณปัสสาวะที่อาจเกิดขึ้นขณะนอนหลับได้เป็นอย่างดี แต่ในปัจจุบันพบว่ามีอีกหลายคนที่ไม่สามารถทำตามวิธีนี้ได้ ดังนั้นอย่างน้อยที่สุดคุณควรงดดื่มน้ำก่อนเข้านอนอย่างน้อย 1 ชั่วโมงและควรเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยก่อนเข้านอนจะดีที่สุดค่ะ เพราะการขับปัสสาวะออกก่อนนอนจะช่วยลดปริมาณน้ำและลดการผลิตน้ำปัสสาวะเนื่องจากร่างกายมีกลไกควบคุมสมดุลของน้ำด้วยฮอร์โมน (Arginine vasopressin) ส่งผลให้คุณนอนหลับลึกและหลับยาวไปจนถึงเช้าได้อย่างแน่นอน

แล้วดื่มน้ำเวลาไหนดีที่สุด?

  • ดื่มน้ำอุณหภูมิห้องหรือน้ำอุ่น 1 แก้ว ทันทีที่ตื่นนอน เพื่อชดเชยน้ำที่เสียไปจากภาวะขาดน้ำตลอดคืนและกระตุ้นการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายให้พร้อมรับวันใหม่
  • ดื่มน้ำ 1 แก้ว เวลา 08.00 น. ควรดื่มก่อนทานอาหาร 1 ชั่วโมงเพื่อป้องกันไม่ให้ระบบย่อยอาหารถูกรบกวนมากจนทานอาหารได้น้อยลง แต่หากใครที่ต้องการทำ IF (Intermittent Fasting) แนะนำให้งดมื้อเช้าแล้วรวบยอดไปทานมื้อกลางวันแทนได้เลยค่ะ
  • ดื่มน้ำ 1 แก้ว เวลา 09.00 – 10.00 น. เพื่อกระตุ้นให้ระบบต่าง ๆ ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
  • ดื่มน้ำ 2 แก้วช่วงบ่าย (หลังทานข้าว) เวลา 13.00-16.00 น. โดยแบ่งเป็น 13.00-14:00 น. จำนวน 1 แก้ว และ 15.00-16:00 น. อีก 1 แก้ว ในช่วงนี้เราจะเน้นจิบเป็นระยะเพื่อดับกระหายและเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวโดยเฉพาะผู้ที่ทำงานหรืออยู่ในห้องแอร์เป็นเวลานาน
  • ดื่มน้ำ 1 แก้วช่วงเย็น (ก่อนทานข้าว) โดยดื่ม 1 แก้ว เวลา 17.00 – 18.00 น. ควรดื่มก่อนทานอาหาร 1 ชั่วโมงเพื่อป้องกันไม่ให้ระบบย่อยอาหารถูกรบกวนมากจนทานอาหารได้น้อยลง
  • ดื่มน้ำ 1 แก้ว เวลา 19.00 – 21.00 น. โดยเน้นจิบเป็นระยะ ๆ เพื่อให้ระบบเลือดและระบบลำไส้ทำงานได้เต็มที่ ไม่หนักเกินไปเหมือนช่วงเวลาอื่น
  • ดื่มน้ำ 1 แก้วก่อนนอน (ไม่เกินเที่ยงคืน) เพื่อชะล้างสิ่งตกค้างภายในลำไส้ออกไป ทั้งนี้ไม่แนะนำให้ดื่มก่อนนอนทันที เพราะจะทำให้ปวดปัสสาวะกลางดึกและนอนหลับไม่เต็มอิ่ม

ทำไมหลายคนถึงเลือกดื่มน้ำด่างแทนน้ำดื่มทั่วไป

น้ำด่างเป็นน้ำที่มีค่า pH อยู่ที่ 8-9 จึงช่วยปรับสมดุลกรด-ด่างภายในร่างกายได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นแคลเซียม, โซเดียม, แมกนีเซียม และโพแทสเซียม ช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารเพิ่มเติมจากการรับประทานอาหารในแต่ละวัน ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงมากยิ่งขึ้น อีกทั้งช่วยยับยั้งการเกิดออกซิเดชั่น ซึ่งเป็นสาเหตุของความชราและโรคร้ายต่าง ๆ ช่วยลดการเสื่อมของเซลล์และ DNA ในร่างกาย และอื่น ๆ อีกมาก โดยทั่วไปแล้วน้ำด่างพบได้ตามแหล่งน้ำธรรมชาติ แต่เนื่องจากน้ำเหล่านั้นอาจมีสิ่งสกปรกปนเปื้อนมาด้วย จึงทำให้ผู้ผลิตจึงคิดค้นและผลิตน้ำด่างด้วยเครื่องกรองน้ำด่างโดยน้ำที่ได้เกิดจากกระบวนการแยกองค์ประกอบทางเคมีด้วยไฟฟ้า หรือกระบวนการอิเล็กโทรลิซิส (Electrolysis) ทางเรา Live healthy เป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้ำด่างที่คำนึงถึงความสะอาด ความปลอดภัย รวมถึงบริการอย่างใส่ใจตั้งแต่ก่อนไปจนถึงหลังการขายที่ดีเยี่ยม ดูได้จากผู้ใช้งานจริงรวมถึงการันตียอดขายอันดับ 1 มาแล้วหลายปี เราขอเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการดื่มน้ำด่างเพื่อสุขภาพที่ดีของคุณ

ดื่มน้ำด่างยี่ห้อไหนดี ทำไมต้อง Live healthy

แม้ว่าคุณจะรู้อยู่แล้วว่าน้ำด่าง ดีไหม แต่หากเลือกดื่มน้ำด่างกับแบรนด์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ก็อาจเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพในระยะยาวได้ด้วยนะคะ เรา Live healthy เป็นบริษัทจัดจำหน่ายและให้บริการเกี่ยวกับเครื่องกรองน้ำด่างมานานถึง 13 ปี จนเป็นที่ไว้วางใจของเหล่าผู้ใช้มากมาย ทั้งสถานพยาบาล, หน่วยงานราชการและกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ต้องการดูแลสุขภาพตัวเอง ทำให้เรามียอดขายด้านน้ำด่างเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย เนื่องจากความต้องการที่หลากหลายของกลุ่มลูกค้า ทางเราจึงพัฒนาเครื่องกรองน้ำออกมาวางจำหน่ายทั้งหมด 3 หมวด ได้แก่ หมวดพรีเมี่ยม ซีรี่ย์ KYK, หมวดระบบกรองแบบ Nano Alkaline และหมวดระบบกรองแบบ RO Alkaline ตามรูปแบบการใช้งาน

นอกจากคุณภาพเครื่องกรองน้ำที่ดีเยี่ยมแล้ว ทางเราให้ความสำคัญกับการให้บริการแบบ On Site Service เมื่อเครื่องกรองมีปัญหา คุณจึงไม่ต้องยกเครื่องมาที่ศูนย์บริการด้วยตัวเอง เรามีทีมงานพร้อมดูแลคุณถึงบ้าน (ในจังหวัดที่มีศูนย์บริการ) บางยี่ห้อเปลี่ยนโฉมทุก ๆ 5 ปี ทำให้ต้องยกเลิกการผลิตไส้กรองลงไป ภาระจึงตกอยู่กับลูกค้าที่ต้องซื้อเครื่องกรองใหม่ แม้จะเปลี่ยนบอดี้หรือดีไซน์ก็ตาม แต่ทางเรายังคงใช้ขนาดไส้กรองเท่าเดิม จึงหมดปัญหาต้องซื้อเครื่องใหม่ นอกจากนี้ตัวเครื่องของเรายังมีอายุการใช้งานมากกว่า 10 ปีขึ้นไป จึงเหมาะสำหรับผู้ที่รักสุขภาพและต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องน้ำดื่มในระยะยาวอีกด้วย

บทความที่น่าสนใจ

Shopping Cart