ดื่มน้ำเท่าไหร่

ดื่มน้ำเท่าไหร่ถึงจะดีต่อร่างกาย น้ำแบบไหนบ้างที่ควรดื่ม

แม้ว่าการดื่มน้ำสะอาดจะดีต่อสุขภาพ แต่หากคุณดื่มน้ำน้อยเกินไปหรือเยอะเกินไป ก็อาจเกิดผลเสียต่อร่างกายตามมาได้ในระยะยาว วันนี้ Live healthy จะมาแนะนำวิธีดื่มน้ำเท่าไหร่ถึงจะดีต่อร่างกาย แล้วน้ำแบบไหนบ้างที่ควรดื่มบ้าง เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณและคนที่คุณรักค่ะ

ดื่มน้ำเท่าไหร่ถึงจะดีต่อร่างกาย

1. ดื่มตามปริมาณที่ร่างกายต้องการ

แม้ว่าการดื่มน้ำวันละ 8 แก้วจะดีต่อร่างกายอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่ที่จริงแล้วร่างกายคนเราต้องการน้ำไม่เหมือนกัน สำหรับปริมาณน้ำที่คุณควรได้รับในแต่ละวันจะต้องคำนวณจากสูตรดื่มน้ำ โดยคิดจากนำน้ำหนัก (กิโลกรัม) คูณ 2.2 และคูณ 30 แล้วหาร 2 จะเท่ากับปริมาณน้ำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน ยกตัวอย่างเช่น น้ำหนัก 70 กิโลกรัม x 2.2 x 30 / 2 จะเท่ากับ 2,310 มิลลิลิตร หรือ 2.3 ลิตร แต่ทั้งนี้คุณอาจดื่มเกินจากสูตรคำนวณได้เล็กน้อย หากวันนั้นคุณออกกำลังกายหนักหรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงเยอะกว่าปกติ

2. ดื่มตามตารางดื่มน้ำ

  • เวลา 7:00 น. (1 แก้ว) การดื่มน้ำแก้วแรกทันทีจะช่วยให้ร่างกายขาดน้ำมาตลอดทั้งคืนได้รับน้ำเข้าสู่ร่างกาย และน้ำจะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ควรดื่มก่อนมื้ออาหารเช้าอย่างน้อย 30 นาที เพื่อไม่ให้น้ำไปรบกวนระบบย่อยอาหารและรู้สึกอิ่มจนกินข้าวได้น้อยลงค่ะ
  • เวลา 9:00 น. (แก้วที่ 2) ควรดื่มหลังจากอาหารมื้อเช้าไปแล้วประมาณ 1 ชั่วโมง
  • เวลา 11:30 น. (แก้วที่ 3) ดื่มน้ำ 1 แก้วก่อนมื้ออาหารกลางวันประมาณ 30 นาที เพื่อกระตุ้นระบบย่อยอาหารให้ทำงานเต็มที่และกระตุ้นให้ร่างกายนำอาหารไปใช้งานได้ไวขึ้น ส่งผลให้ระบบเผาผลาญและระบบขับถ่ายทำงานเต็มที่อีกด้วย
  • เวลา 13:30 น. (แก้วที่ 4) ดื่มน้ำ 1 แก้ว หลังจากรับประทานอาหารกลางวันประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น ทั้งนี้ไม่ควรดื่มรวดเดียวหมดแก้ว เพราะอาจทำให้ปวดท้องปัสสาวะง่าย ต้องลุกไปเข้าห้องน้ำบ่อย
  • เวลา 15:00 น. (แก้วที่ 5) ดื่มน้ำ 1 แก้วเพื่อกระตุ้นการทำงานของสมองให้ตื่นตัว พร้อมทำกิจกรรมต่าง ๆ ลากยาวมาจนถึงตอนเย็น
  • เวลา 17:00 น. (แก้วที่ 6) การดื่มน้ำ 1 แก้วจะช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มเร็วและป้องกันไม่ให้รับประทานอาหารมากเกินไปในมื้อค่ำ เนื่องจากมื้อเย็นเป็นมื้อที่ร่างกายไม่ได้นำพลังงานไปใช้ทำกิจกรรมต่าง ๆ แล้ว
  • เวลา 20:00 น. (แก้วที่ 7) ทางเราแนะนำให้คุณดื่มน้ำ 1 แก้ว หลังรับประทานอาหารเย็น เนื่องจากน้ำจะช่วยให้อาหารที่ทานเข้าไป โดยเฉพาะอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เคลื่อนผ่านระบบย่อยอาหารและดูดซับน้ำ ช่วยสร้างอุจจาระอย่างสม่ำเสมอ
  • เวลา 22:00 น. (แก้วที่ 8) สำหรับน้ำแก้วสุดท้ายนี้ควรดื่มอย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนนอน ซึ่งจะช่วยให้กระบวนการผลัดเซลล์ระหว่างนอนหลับทำงานเต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งกระตุ้นให้ระบบเผาผลาญของร่างกายทำงานดีขึ้น

น้ำแบบไหนบ้างที่ควรดื่ม

  • นมไขมันต่ำ หรือนมจืดพร่องมันเนย อุดมไปด้วยวิตามิน B, B12, D, ฟอสฟอรัส, ซีลีเนียมและโพแทสเซียม มีโปรตีตนและกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย ช่วยซ่อมแซมเซลล์ต่าง ๆ เสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง บำรุงระบบประสาทและหัวใจ เสริมสร้างการทำงานของเซลล์ผิวหนัง
  • ช็อกโกแลตร้อน อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระโพลีฟีนอล (Polyphenols) ที่ช่วยชะลอกระบวนการเกิดสารอนุมูลอิสระ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ลดระบบคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีและลดระดับน้ำตาลในเลือด นอกจากนี้ยังมีสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ที่ช่วยต้านการอักเสบที่ก่อให้เกิดโรคร้ายแรงเรื้อรังต่าง ๆ
  • น้ำชา อุดมไปด้วยคาเทชิน (Catechin) ดักจับสารอนุมูลอิสระ, ธีอะนิน (Theanine) ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น รู้สึกผ่อนคลายมาก นอกจากนี้ยังช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดและป้องกันการสะสมของน้ำตาล ลดความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน ช่วยยับยั้งการดูดซึมและลดไขมันสะสมได้เป็นอย่างดี
  • น้ำผักสด อุดมไปด้วยสารอาหารต่าง ๆ รวมถึงวิตามิน A, C และ E ที่ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งบำรุงสายตา พัฒนาความจำ ช่วยขับสารพิษที่ตกค้างในร่างกาย กระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
  • น้ำด่าง เป็นน้ำที่มีค่า pH ประมาณ 8 – 9 จัดเป็นน้ำที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก ช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารและนำไปใช้ง่ายกว่าน้ำเปล่า น้ำด่างจึงช่วยขับล้างสารพิษต่าง ๆ ออกจากร่างกาย และที่สำคัญยังมีคุณสมบัติเป็นด่าง ช่วยปรับสมดุลของกรด-ด่างภายในร่างกายและมีแร่ธาตุต่าง ๆ

ซื้อเครื่องกรองน้ำยี่ห้อไหนดี ทำไมต้อง Live healthy

แม้ว่าคุณจะรู้อยู่แล้วว่าน้ำด่าง ดีไหม แต่หากเลือกดื่มน้ำด่างกับแบรนด์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ก็อาจเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพในระยะยาวได้ด้วยนะคะ เรา Live healthy เป็นบริษัทจัดจำหน่ายและให้บริการเกี่ยวกับเครื่องกรองน้ำด่างมานานถึง 13 ปี จนเป็นที่ไว้วางใจของเหล่าผู้ใช้มากมาย ทั้งสถานพยาบาล, หน่วยงานราชการและกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ต้องการดูแลสุขภาพตัวเอง ทำให้เรามียอดขายด้านน้ำด่างเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย เนื่องจากความต้องการที่หลากหลายของกลุ่มลูกค้า ทางเราจึงพัฒนาเครื่องกรองน้ำออกมาวางจำหน่ายทั้งหมด 3 หมวด ได้แก่ หมวดพรีเมี่ยม ซีรี่ย์ KYK, หมวดระบบกรองแบบ Nano Alkaline และหมวดระบบกรองแบบ RO Alkaline ตามรูปแบบการใช้งาน

นอกจากคุณภาพเครื่องกรองน้ำที่ดีเยี่ยมแล้ว ทางเราให้ความสำคัญกับการให้บริการแบบ On Site Service เมื่อเครื่องกรองมีปัญหา คุณจึงไม่ต้องยกเครื่องมาที่ศูนย์บริการด้วยตัวเอง เรามีทีมงานพร้อมดูแลคุณถึงบ้าน (ในจังหวัดที่มีศูนย์บริการ) บางยี่ห้อเปลี่ยนโฉมทุก ๆ 5 ปี ทำให้ต้องยกเลิกการผลิตไส้กรองลงไป ภาระจึงตกอยู่กับลูกค้าที่ต้องซื้อเครื่องกรองใหม่ แม้จะเปลี่ยนบอดี้หรือดีไซน์ก็ตาม แต่ทางเรายังคงใช้ขนาดไส้กรองเท่าเดิม จึงหมดปัญหาต้องซื้อเครื่องใหม่ นอกจากนี้ตัวเครื่องของเรายังมีอายุการใช้งานมากกว่า 10 ปีขึ้นไป จึงเหมาะสำหรับผู้ที่รักสุขภาพและต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องน้ำดื่มในระยะยาวอีกด้วย

บทความที่น่าสนใจ

Shopping Cart