หลายคนอาจคิดว่าการดื่มน้ำมาก ๆ จะดีต่อร่างกาย แต่ในความเป็นจริงการดื่มน้ำมากเกินไปอาจส่งผลเสียมากกว่าที่คิด ว่าแต่ผลเสียมีอะไรบ้าง มาดูกันค่ะ
ผลเสียจากการดื่มน้ำมากเกินไป
1. ร่างกายได้รับโซเดียมน้อยกว่าปกติ
เนื่องจากค่าโซเดียมในร่างกายโดยทั่วไปจะอยู่ที่ 135-145 mEq/L แต่หากคุณดื่มน้ำมากเกิน อาจทำให้ร่างกายมีค่าของโซเดียมต่ำกว่า 135 mEq/L ซึ่งอยู่ในสภาวะโซเดียมในเลือดต่ำและทำให้ร่างกายเสียสมดุล ส่งผลให้เกิดอาการวิงเวียนเล็กน้อย หรือเป็นตะคริวบริเวณกล้ามเนื้อ แต่หากมีอาการรุนแรงอาจรู้สึกง่วงนอนและไม่รู้สึกตัวตามมา
2. ไตทำงานหนักเกินไป
เมื่อร่างกายได้รับน้ำมากเกินไปจะทำให้ไตทำงานหนักขึ้นเพื่อกรองน้ำออกจากเลือด ร่างกายจึงรู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หากดื่มน้ำมากเกินไปเป็นเวลานานอาจทำให้เป็นโรคไตเรื้อรัง รวมถึงโรคหัวใจและหลอดเลือดตามมาด้วย
3. หัวใจทำงานหนัก
หากร่างกายได้รับน้ำมากเกินไป จะทำให้ลำไส้เล็กออสโมซิส (Osmosis) น้ำเข้าไปในกระแสเลือด ปริมาตรเลือดจึงเพิ่มสูงขึ้นตาม ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักจนเกิดอาการชัก
4. เกิดภาวะน้ำเป็นพิษ (Water intoxication)
เมื่อร่างกายได้รับน้ำเข้าไป น้ำจะเจือจางและลดความเข้มข้นของแร่ธาตุโซเดียมในร่างกาย ซึ่งโซเดียมมีหน้าที่รักษาความสมดุลของน้ำระหว่างภายนอกและภายในเซลล์ เมื่อโซเดียมถูกเจือจางลง จะทำให้น้ำภายนอกเซลล์ซึมเข้าไปภายในเซลล์จนเซลล์บวมน้ำ ส่งผลให้เกิดภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ (Hyponatremia) ทำให้รู้สึกปวดศีรษะ, คลื่นไส้, อาเจียน, สมองบวมจนเกิดอาการชักกระตุก ปอดบวม จนถึงขั้นเสียชีวิตได้
จะรู้ได้อย่างไรว่าดื่มน้ำมากเกินไป
- มีนิสัยชอบดื่มน้ำตลอดเวลา แม้จะไม่ได้รู้สึกกระหายก็ตาม
- ดื่มน้ำจนมีสีปัสสาวะเป็นสีใส
- รู้สึกปวดหัวตลอดเวลา เนื่องจากเซลล์บวมและกดกระโหลกศีรษะ
- รู้สึกคลื่นไส้ อยากอาเจียน เนื่องจากร่างกายกำจัดของเหลวส่วนเกินในร่างกายได้ไม่หมด
- ริมฝีปาก, ฝ่ามือและฝ่าเท้าบวมหรือเปลี่ยนสี
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นตะคริวง่าย
- ปัสสาวะบ่อยเวลากลางคืน
- รู้สึกเหนื่อยล้า
- เกิดอาการเมาน้ำ (Hyponatremia) ทำให้เซลล์อยู่ในอาการน้ำท่วม เนื่องจากระดับโซเดียมในเลือดต่ำเกินไป ส่งผลให้สมองบวม คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย บางรายอาจถึงขั้นหมดสติ หรืออาจเสียชีวิตได้
ใครที่เสี่ยงต่อการดื่มน้ำปริมาณมากเกินไป
- ผู้ที่กำลังลดน้ำหนัก
- นักกีฬาหรือผู้ที่ออกกำลังกายหนัก
- ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศร้อน
- ผู้ป่วยโรคไตและโรคหัวใจ
- ผู้ที่มีอาการติดแอลกอฮอล์ หรือผู้ที่เคยใช้ยาเสพติด
- ทารกที่ไม่ได้รับนมแม่ หรือทารกที่อยู่ในครรภ์ของมารดาที่ติดยาเสพติด
ควรดื่มน้ำวันละเท่าไหร่
- ผู้ที่มีอายุ 1-3 ปี ควรดื่ม 3-4 แก้วต่อวัน (1,000 มล.)
- ผู้ที่มีอายุ 4-8 ปี ควรดื่ม 5 แก้วต่อวัน (1,200 มล.)
- ผู้ที่มีอายุ 9-13 ปี ควรดื่ม 7-8 แก้วต่อวัน (1,600-1,900 มล.)
- ผู้ที่มีอายุ 14-18 ปี ควรดื่ม 8-11 แก้วต่อวัน (1,900-2,600 มล.)
- ผู้หญิงที่อายุ 19 ปีขึ้นไป ควรดื่ม 9 แก้วต่อวัน (2,100 มล.)
- ผู้ชายที่มีอายุ 19 ปีขึ้นไป ควรดื่ม 13 แก้วต่อวัน (3,000 มล.)
สำหรับใครที่อ่านจบแล้วสนใจน้ำด่างเพื่อสุขภาพจากเครื่องกรองน้ำด่างคุณภาพดี การันตีด้วยรีวิวจากผู้ใช้มากมาย และบริการหลังการขายที่ดีเยี่ยม ทางเรา LIVE HEALTHY มีเครื่องกรองน้ำด่างจัดจำหน่ายหลากดีไซน์หลายประเภท ทั้งแบบตั้งโต๊ะและแบบตั้งพื้น เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าทุกท่าน เราเป็นผู้จัดจำหน่ายและให้บริการเครื่องกรองน้ำอัลคาไลน์ชั้นนำจากบริษัท KYK CO.,LTD ของเกาหลีมาอย่างยาวนานถึง 13 ปี ตัวเครื่องสามารถผลิตน้ำที่ให้ค่า pH ได้ถึง 9 ระดับ แถมยังมีอายุการใช้งานยาวนานมากกว่า 10 ปีขึ้นไป นอกจากการใช้งานที่คุ้มค่าแล้ว ทางเรายังมีบริการหลังการขายแบบ On Site Service โดยช่างผู้เชี่ยวชาญ พร้อมดูแลเครื่องกรองน้ำของท่านถึงที่บ้าน หากใครกังวลใจเรื่องไส้กรองตกรุ่น ทางเรามีไส้กรองพร้อมเปลี่ยนทันที สนใจสั่งซื้อหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมคลิกลิงก์นี้ได้เลยค่ะ