ดื่มน้ำสะอาด

ดูแลตัวเองง่าย ๆ ด้วยการดื่มน้ำสะอาดอย่างถูกวิธี

ดื่มน้ำสะอาดอย่างถูกวิธี ไม่เพียงแต่ช่วยให้ประหยัดเงินได้แล้วยังช่วยให้คุณมีสุขภาพดีได้ในระยะยาวด้วย ว่าแต่มีวิธีดื่มอย่างไรบ้าง มาดูกันค่ะ

แนะนำ 3 วิธีง่าย ๆ เพื่อการดื่มน้ำสะอาดที่ถูกวิธี

ดื่มน้ำสะอาด

1. ดื่มให้ถูกเวลา

  • ดื่ม 1 แก้ว หลังตื่นนอน เนื่องจากร่างกายขาดน้ำตลอดทั้งคืน จึงควรดื่มน้ำทันทีหลังจากตื่นนอนเพื่อชดเชยน้ำที่เสียไป ที่สำคัญควรดื่มน้ำอุณหภูมิห้องหรือน้ำอุ่น ไม่ควรร้อนจนเกินไป ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายตื่นตัวและช่วยให้สมองปลอดโปร่ง เพราะสมองของคนเราประกอบไปด้วยน้ำมากถึง 75% 
  • ดื่ม 1 แก้ว เวลา 08.00 น. แนะนำให้ดื่มก่อนรับประทานมื้อเช้า 1 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้ระบบย่อยอาหารถูกน้ำรบกวน จนท้องอืดและกินข้าวได้น้อยลง
  • ดื่มน้ำ 1 แก้ว เวลา 09.00 – 10.00 น. เพื่อให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า อีกทั้งช่วยกระตุ้นให้ร่างกายขับของเสียออกไป
  • ดื่มน้ำ 2 แก้ว (หลังทานข้าว) เวลา 13.00 – 16.00 น. แนะนำให้จิบเป็นระยะ ๆ เพื่อดับกระหายและเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ทั้งนี้ไม่ควรดื่มรวดเดียว เพราะนอกจากจะดับกระหายได้ไม่นานแล้ว ยังปวดท้องปัสสาวะง่าย ทำให้ต้องลุกไปเข้าห้องน้ำบ่อย ๆ อีกด้วย
  • ดื่มน้ำ 2 แก้ว (ก่อนทานข้าว) เวลา 17.00 – 19.00 น. หรือก่อนทานอาหารอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้ระบบย่อยอาหารถูกรบกวนจนท้องอืดท้องเฟ้อก่อนทานอาหาร
  • ดื่มน้ำ 1 แก้ว เวลา 19.00 – 21.00 น. เน้นจิบเป็นระยะ ๆ เพื่อให้เลือดและระบบลำไส้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เนื่องจากร่างกายไม่ได้ทำงานหนักเหมือนช่วงเวลาอื่น
  • ดื่มน้ำ 1 แก้วก่อนนอน (ไม่ควรเกินเที่ยงคืน) เพื่อชะล้างสิ่งตกค้างภายในลำไส้ แนะนำว่าไม่ควรดื่มก่อนเวลานอนทันที เพราะอาจทำให้ปวดปัสสาวะกลางดึกและนอนหลับไม่เต็มอิ่ม เวลาตื่นมาอาจรู้สึกง่วงซึมและเหนื่อยง่ายตลอดทั้งวันได้

2. ดื่มน้ำให้ถูกตามความต้องการของร่างกาย

ดื่มน้ำสะอาด

2.1 วัยเด็ก

  • อายุ 1 – 3 ปี ดื่มน้ำปริมาณ 1,000 – 1,500 มิลลิลิตร
  • อายุ 4 – 5 ปี ดื่มน้ำปริมาณ 1,300 – 1,950 มิลลิลิตร
  • อายุ 6 – 8 ปี ดื่มน้ำปริมาณ 1,400 – 2,100 มิลลิลิตร

2.2 วัยรุ่น

  • อายุ 9 – 12 ปี ผู้ชายควรดื่มน้ำปริมาณ 1,700 – 2,550 มิลลิลิตร
  • อายุ 9 – 12 ปี ผู้หญิงควรดื่มน้ำปริมาณ 1,600 – 2,400 มิลลิลิตร
  • อายุ 13 – 15 ปี ผู้ชายควรดื่มน้ำปริมาณ 1,700 – 2,550 มิลลิลิตร
  • อายุ 13 – 15 ปี ผู้หญิงควรดื่มน้ำปริมาณ 1,600 – 2,400 มิลลิลิตร
  • อายุ 16 – 18 ปี ผู้ชายควรดื่มน้ำปริมาณ 2,250 – 3,375 มิลลิลิตร
  • อายุ 16 – 18 ปี ผู้หญิงควรดื่มน้ำปริมาณ 1,850 – 2,775 มิลลิลิตร

2.3 วัยผู้ใหญ่

  • อายุ 19 – 30 ปี ผู้ชายควรดื่มน้ำปริมาณ 2,150 – 3,225 มิลลิลิตร
  • อายุ 19 – 30 ปี ผู้หญิงควรดื่มน้ำปริมาณ 1,750 – 2,625 มิลลิลิตร
  • อายุ 31 – 70 ปี ผู้ชายควรดื่มน้ำปริมาณ 2,100 – 3,150 มิลลิลิตร
  • อายุ 31 – 70 ปี ผู้หญิงควรดื่มน้ำปริมาณ 1,750 – 2,625 มิลลิลิตร
  • อายุ 70 ปีขึ้นไป ผู้ชายควรดื่มน้ำปริมาณ 1,750 – 2,625 มิลลิลิตร
  • อายุ 70 ปีขึ้นไป ผู้หญิงควรดื่มน้ำปริมาณ 1,550 – 2,325 มิลลิลิตร

แต่หากต้องการปริมาณน้ำที่ตรงกับความต้องการของร่างกายของคุณมากที่สุด เราขอแนะนำให้คำนวณจากสูตรด้านล่างนี้

“น้ำหนัก (กิโลกรัม) คูณด้วย 2.2 คูณด้วย 30 หารด้วย 2”

ยกตัวอย่างเช่น น้ำหนักตัว 60 กิโลกรัม × 2.2 × 30 / 2 จะเท่ากับ 1,980 มิลลิลิตร

3. ดื่มน้ำให้ถูกประเภท

ดื่มน้ำสะอาด

3.1 ดื่มตามอุณหภูมิของน้ำ

  • ดื่มน้ำสะอาดเย็น (อุณหภูมิประมาณ 22 องศาเซลเซียส) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบเผาผลาญพลังงานได้เล็กน้อยและช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น เหมาะสำหรับนักกีฬาหรือผู้ที่ออกกำลังกายมาได้ไม่นาน, ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศร้อน เพราะน้ำเย็นจะช่วยรักษาอุณหภูมิของร่างกายไม่ให้ร้อนเกินไป รวมถึงผู้ป่วยต่อมทอนซิลอักเสบ (Tonsillitis) เนื่องจากความเย็นจะช่วยบรรเทาอาการอักเสบได้ดี นอกจากนี้น้ำเย็นยังช่วยเผาผลาญแคลอรี่ ทำให้น้ำหนักลดลง
  • ดื่มน้ำสะอาดอุ่น (อุณหภูมิประมาณ 48-60 องศาเซลเซียส) ช่วยกระตุ้นระบบการไหลเวียนเลือดของร่างกายและช่วยให้ร่างกายรู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลายยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีอุณหภูมิร่างกายเย็นลงเนื่องจากอาการหวัดและผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศเย็น เนื่องจากน้ำอุ่นจะช่วยปรับอุณหภูมิในร่างกายให้สมดุล

3.2 ดื่มตามประเภทของน้ำ

  • น้ำผักสด เป็นน้ำที่เกิดจากการแปรรูปผักหรืออาจผสมกับผลไม้ชนิดอื่นเพื่อดื่มกินนอกเหนือจากการทานผักในมื้ออาหาร ผักที่นิยมนำมาทำเป็นน้ำผักโดยส่วนใหญ่จะเป็นแคร์รอต, ผักชีฝรั่ง, ขึ้นฉ่าย, มะเขือเทศ ฯลฯ นอกจากนี้อาจนำสมุนไพรผสมร่วมด้วย เช่น ขึ้นฉ่าย, ขิง, กระเทียม ฯลฯ ซึ่งกระบวนการทำน้ำผักที่จะช่วยให้คุณได้รับคุณประโยชน์จากผักมากที่สุดก็คือการคั้นแยกน้ำและกากออกจากกัน ทำให้คุณได้รับสารอาหารจากผักไปเต็ม ๆ
  • นมไขมันต่ำ (Low fat) หรือ นมพร่องมันเนย เป็นนมที่ผ่านการแยกมันเนยออกบางส่วน เหลือเพียงไขมันไม่เกิน 15% นมที่ได้จึงมีพลังงานและไขมันลดลงหากเทียบกับนมทั่วไป เหมาะสำหรับผู้สูงอายุและผู้ที่มีไขมันในเลือดสูง, ผู้ป่วยโรคหัวใจและความดัน นมพร่องมันเนยมีหลากหลายประเภท ทั้งแบบพาสเจอไรซ์ (Pasteurization) , ยูเอชที (UHT) และสเตอริไลซ์ (Sterilization)
  • ช็อกโกแลตร้อน เป็นเครื่องดื่มที่มาจากการนำช็อกโกแลตหรือผงโกโก้มาละลายและผสมกับนมหรือครีม
  • น้ำด่าง (น้ำอัลคาไลน์) เป็นน้ำที่มีค่า pH ประมาณ 8 – 9 ช่วยปรับสมดุลกรด-ด่างให้แก่ร่างกาย นอกจากนี้ยังมีแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายผสมอยู่ ไม่ว่าจะเป็นแมกนีเซียม, แคลเซียม, โซเดียม และโพแทสเซียม อีกทั้งเป็นน้ำที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก ร่างกายจึงดูดซึมง่ายและขับล้างสารพิษออกจากร่างกายได้ดี

อ่านข้อมูลเกี่ยวกับน้ำเพื่อสุขภาพฉบับเต็มได้ที่นี่ แนะนำน้ำเพื่อสุขภาพประเภทต่าง ๆ เพื่อการดูแลตัวเองที่ดียิ่งขึ้น

สำหรับใครที่อ่านจบแล้วสนใจน้ำด่างเพื่อสุขภาพจากเครื่องกรองน้ำด่างคุณภาพดี การันตีด้วยรีวิวจากผู้ใช้มากมาย และบริการหลังการขายที่ดีเยี่ยม ทางเรา LIVE HEALTHY มีเครื่องกรองน้ำด่างจัดจำหน่ายหลากดีไซน์หลายประเภท ทั้งแบบตั้งโต๊ะและแบบตั้งพื้น เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าทุกท่าน เราเป็นผู้จัดจำหน่ายและให้บริการเครื่องกรองน้ำอัลคาไลน์ชั้นนำจากบริษัท KYK CO.,LTD ของเกาหลีมาอย่างยาวนานถึง 13 ปี ตัวเครื่องสามารถผลิตน้ำที่ให้ค่า pH ได้ถึง 9 ระดับ แถมยังมีอายุการใช้งานยาวนานมากกว่า 10 ปีขึ้นไป นอกจากการใช้งานที่คุ้มค่าแล้ว ทางเรายังมีบริการหลังการขายแบบ On Site Service โดยช่างผู้เชี่ยวชาญ พร้อมดูแลเครื่องกรองน้ำของท่านถึงที่บ้าน หากใครกังวลใจเรื่องไส้กรองตกรุ่น ทางเรามีไส้กรองพร้อมเปลี่ยนทันที สนใจสั่งซื้อหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมคลิกลิงก์นี้ได้เลยค่ะ

บทความที่น่าสนใจ

Shopping Cart