ดื่มน้ำอย่างไรให้ถูกวิธี

แนะนำดื่มน้ำอย่างไรให้ถูกวิธี เพื่อผลดีต่อร่างกายในระยะยาว

นอกจากจะต้องดื่มน้ำตามความต้องการของร่างกายในแต่ละวันแล้ว การดื่มน้ำถูกวิธีและถูกเวลาจะช่วยให้ร่างกายนำน้ำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แล้วเราควรดื่มน้ำอย่างไรให้ถูกวิธี มาดูกันค่ะ

ดื่มน้ำอย่างไรให้ถูกวิธี

1. ดื่มจากความต้องการของร่างกายคุณ

ดื่มน้ำอย่างไรให้ถูกวิธี หลายคนอาจยังเข้าใจผิดว่าการดื่มน้ำที่ดีจะต้องดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 – 10 แก้ว (1,500 – 2,000 มิลลิลิตร) แต่ที่จริงแล้วหลักการเบื้องต้นนี้เป็นหลักที่อาจไม่เหมาะสำหรับบางคน เนื่องจากแต่ละคนมีความต้องการน้ำแตกต่างกันตามช่วงวัย ทั้งนี้เรามีวิธีดื่มน้ำตามช่วงอายุต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยให้คุณคำนวณว่าควรดื่มน้ำปริมาณเท่าไหร่ต่อวันได้ง่ายขึ้น ดังนี้

1.1 วัยเด็ก

  • อายุ 1 – 3 ปี ควรดื่มน้ำปริมาณ 1,000 – 1,500 มิลลิลิตร
  • อายุ 4 – 5 ปี ควรดื่มน้ำปริมาณ 1,300 – 1,950 มิลลิลิตร
  • อายุ 6 – 8 ปี ควรดื่มน้ำปริมาณ 1,400 – 2,100 มิลลิลิตร

1.2 วัยรุ่น

  • อายุ 9 – 12 ปี ผู้ชายควรดื่มน้ำปริมาณ 1,700 – 2,550 มิลลิลิตร ผู้หญิงควรดื่มน้ำปริมาณ 1,600 – 2,400 มิลลิลิตร
  • อายุ 13 – 15 ปี ผู้ชายควรดื่มน้ำปริมาณ 1,700 – 2,550 มิลลิลิตร ผู้หญิงควรดื่มน้ำปริมาณ 1,600 – 2,400 มิลลิลิตร
  • อายุ 16 – 18 ปี ผู้ชายควรดื่มน้ำปริมาณ 2,250 – 3,375 มิลลิลิตร ผู้หญิงควรดื่มน้ำปริมาณ 1,850 – 2,775 มิลลิลิตร

1.3 วัยผู้ใหญ่

  • อายุ 19 – 30 ปี ผู้ชายควรดื่มน้ำปริมาณ 2,150 – 3,225 มิลลิลิตร ผู้หญิงควรดื่มน้ำปริมาณ 1,750 – 2,625 มิลลิลิตร
  • อายุ 31 – 70 ปี ผู้ชายควรดื่มน้ำปริมาณ 2,100 – 3,150 มิลลิลิตร ผู้หญิงควรดื่มน้ำปริมาณ 1,750 – 2,625 มิลลิลิตร
  • อายุ 70 ปีขึ้นไป ผู้ชายควรดื่มน้ำปริมาณ 1,750 – 2,625 มิลลิลิตร ผู้หญิงควรดื่มน้ำปริมาณ 1,550 – 2,325 มิลลิลิตร
หรือหากคุณพอมีเวลาสักหน่อย เราขอแนะนำให้คำนวณตามหลักดังต่อไปนี้ เพื่อให้ได้ปริมาณน้ำที่คุณควรดื่มในแต่ละวันที่ตรงกับความต้องการของร่างกายคุณมากที่สุด

“น้ำหนัก (กิโลกรัม) คูณด้วย 2.2 คูณด้วย 30 หารด้วย 2”

ยกตัวอย่างเช่น น้ำหนักตัว 60 กิโลกรัม × 2.2 × 30 / 2 จะเท่ากับ 1,980 มิลลิลิตร

2. ดื่มเมื่อถึงเวลาที่ควรดื่มดื่มน้ำอย่างไรให้ถูกวิธี

 

1 แก้ว หลังตื่นนอน

เนื่องจากร่างกายขาดความชุ่มชื้นตลอดทั้งคืน หลังจากตื่นนอนควรดื่มน้ำ 1 แก้วทันทีเพื่อชดเชยน้ำที่เสียไป ทางที่ดีควรดื่มน้ำอุณหภูมิห้องหรือน้ำอุ่น เพื่อให้ร่างกายตื่นตัวและกระตุ้นระบบขับถ่ายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงผิวพรรณให้มีสุขภาพดีและช่วยให้สมองปลอดโปร่งขึ้นด้วย

2 แก้วช่วงสาย

  • ดื่ม 1 แก้ว ควรดื่มช่วง 08.00 น. และที่สำคัญควรดื่มก่อนทานอาหารอย่างน้อย 1 ชั่วโมง ป้องกันไม่ให้น้ำรบกวนระบบย่อยอาหาร จนเกิดอาการท้องอืดท้องเฟ้อหลังทานอาหารเสร็จ
  • ดื่ม 1 แก้ว ควรดื่มช่วง 09.00 – 10.00 น. เพื่อให้ร่างกาย รวมถึงระบบขับถ่ายทำงานได้เต็มที่  ซึ่งการดื่มน้ำจะช่วยทำให้นำของเสียภายในร่างกายออกมาง่ายขึ้น

2 แก้วช่วงบ่าย (หลังทานข้าว)

ช่วง 13.00 – 16.00 น. ควรดื่มน้ำ 2 แก้ว โดยใช้วิธีจิบเป็นระยะ ๆ เพื่อดับกระหาย ทั้งนี้ไม่ควรดื่มรวดเดียว เพราะนอกจากจะทำให้กระหายน้ำแล้ว ยังทำให้ปวดท้องปัสสาวะง่ายและต้องลุกไปปัสสาวะบ่อยขึ้น การดื่มในช่วงเวลานี้จะช่วยเพิ่มความชุ่นชื้นให้แก่ผิว

2 แก้วช่วงเย็น (ก่อนทานข้าว)

  • ดื่ม 1 แก้ว ควรดื่มช่วง 17.00 – 19.00 น. ก่อนทานอาหารอย่างน้อย 1 ชั่วโมง ป้องกันน้ำไปรบกวนระบบย่อยอาหาร จนท้องอืดท้องเฟ้อหลังทานอาหารเสร็จ
  • ดื่ม 1 แก้ว ควรดื่มช่วง 19.00 – 21.00 น. ใช้วิธีจิบเป็นระยะ ๆ เพื่อให้ระบบเลือดและระบบลำไส้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

1 แก้วก่อนนอน

ดื่ม 1 แก้วก่อนเข้านอน หรืออย่างช้าสุดคือไม่ควรเกินเที่ยงคืน เพื่อล้างสิ่งที่ตกค้างภายในลำไส้ให้ออกไป ทั้งนี้ไม่ควรดื่มก่อนเวลานอนมากเกินไป เพราะอาจทำให้ปวดปัสสาวะกลางดึก ส่งผลให้นอนหลับไม่สนิท ส่วนใครที่ออกกำลังกายเป็นประจำ นอกจากจะต้องรู้แล้วว่าควรดื่มน้ำอย่างไรให้ถูกวิธีถูกเวลา อาจจะต้องรู้เพิ่มสักหน่อยว่าควรดื่มน้ำในช่วงออกกำลังกายเวลาไหนบ้าง เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำหลังออกกำลังกาย โดยมีเวลาที่ควรดื่ม ดังนี้
  • ดื่มน้ำปริมาณ 500 – 600 มิลลิลิตร ก่อนออกกำลังกายอย่างน้อย 2 – 3 ชั่วโมง
  • ดื่มน้ำปริมาณ 200 – 300 มิลลิลิตร ก่อนออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาที
  • ดื่มน้ำปริมาณ 200 – 300 มิลลิลิตร ทุก 10 – 20 นาที ระหว่างออกกำลังกาย
  • ดื่มน้ำหลังจากออกกำลังกายไม่เกิน 30 นาที หากลืมดื่มหรือดื่มหลังจากช่วงเวลานี้ แนะนำให้ใช้วิธีจิบเรื่อย ๆ เพื่อให้ร่างกายไม่อยู่ในสภาวะขาดน้ำ
  • ดื่มน้ำปริมาณ 1 – 1.5 ลิตร/ต่อน้ำหนักตัวที่หายไป 1 กิโลกรัม หลังจากออกกำลังกาย

ผลเสียจากการขาดน้ำหลังออกกำลังกาย

  • กระหายน้ำมากกว่าปกติ
  • ปากแห้ง ลิ้นแห้ง ผิวแห้ง
  • เหนื่อยหอบ หัวใจเต้นเร็ว
  • ปัสสาวะมีสีเหลืองเข้ม
  • บางคนอาจรู้สึกง่วงเพลีย งุนงง
ดื่มน้ำอย่างไรให้ถูกวิธี

3. ดื่มให้ถูกวิธี

ดื่มน้ำอย่างไรให้ถูกวิธี

  แม้ว่าน้ำด่างจะดื่มได้ตลอดเวลา แต่ก็มีช่วงเวลาต้องห้ามที่คุณควรเลี่ยงดื่ม เพราะอาจส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวได้ด้วย ดังนี้
  • ไม่ควรดื่มน้ำด่างทันทีทั้งก่อนและหลังทานอาหารเสร็จ เพราะน้ำด่างจะทำปฏิกิริยากับน้ำย่อยในกระเพาะอาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรด ให้กลายเป็นกลาง ทำให้อาหารไม่ย่อยและท้องอืด
  • ห้ามดื่มคู่กับยา เนื่องจากน้ำด่างมีค่าละลายสสารที่สูงกว่าน้ำดื่มทั่วไป หากดื่มน้ำด่างคู่กับยา จะทำให้ยาละลายเร็วและทำงานได้ไม่เต็มที่

ดื่มน้ำทั้งที ทำไมต้องน้ำอัลคาไลน์ (น้ำด่าง)

แม้จะรู้แล้วว่าควรดื่มน้ำอย่างไรให้ถูกวิธี แต่หากเลือกดื่มน้ำผิดประเภทก็อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวตามมา ดังนั้นน้ำที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อสุขภาพที่ดีก็คือน้ำที่มีฤทธิ์เป็นกรดสูง ได้แก่น้ำอัดลม, โซดา, ชา, กาแฟ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ส่วนน้ำที่ควรดื่มเป็นประจำ ได้แก่ น้ำผลไม้, น้ำสะอาด หรือแม้แต่น้ำอัลคาไลน์ หรือน้ำด่าง ซึ่งได้รับการยอมรับจากผู้ดื่มจริง ๆ แล้วว่าช่วยให้สุขภาพดีขึ้นจริง ๆ แล้วน้ำอัลคาไลน์มีประโยชน์อย่างไรบ้าง เราได้สรุปมาให้อ่านกันแล้วค่ะ ดังนี้

1. ช่วยปรับสมดุลของค่า pH ในร่างกาย

น้ำอัลคาไลน์ทำหน้าที่ปรับสมดุลความเป็นกรดในร่างกายที่มีมากหรือน้อยเกินไป อันเนื่องมาจากการทานอาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรดในปริมาณมาก, ดื่มน้ำอัดลม, กาแฟ, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์, การสูบบุหรี่, การได้รับมลพิษรอบตัวจากสภาพแวดล้อมที่ย่ำแย่ รวมถึงการเกิดความเครียดอีกด้วย ซึ่งการดื่มน้ำด่างจะช่วยปรับสมดุลกรดในร่างกาย ช่วยให้ร่างกายผลิตไบคาร์บอเนต (Bicarbonates) หรือไอออนประจุลบที่มีความเป็นด่างสูงเพื่อดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดและนำไปใช้ทั่วร่างกาย ทำให้ร่างกายสร้างสมดุลระหว่างกรด-ด่างได้ดี

2. ช่วยต้านอนุมูลอิสระ

เนื่องจากน้ำด่างจากเครื่องกรองน้ำ เกิดจากกระบวนการอิเล็กโทรลิซิส (Electrolysis) ซึ่งมีประจุลบสูง ทำให้น้ำที่ได้มีสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดีที่ช่วยลดการเสื่อมของเซลล์และ DNA ในร่างกาย รวมทั้งลดการเสื่อมของวัยและป้องกันการเกิดโรคแห่งความเสื่อมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคกระดูกพรุน, ผิวหนัง ที่มาจากการเผาผลาญอาหารที่เป็นกรดและการสร้างสารอนุมูลอิสระในร่างกาย การดื่มน้ำด่างจะช่วยกำจัดสารอนุมูลอิสระ จึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคบางชนิดและผู้ที่มีภาวะแก่ก่อนวัยอันควร ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนดื่มน้ำด่างเพื่อความปลอดภัยต่อตัวคุณเอง

3. ช่วยให้ผลการรักษาโรคดียิ่งขึ้น

เนื่องจากกระบวนการอิเล็กโทรลิซิส ทำให้โมเลกุลของน้ำเหลือเพียงแค่ 6 โมเลกุลต่อกลุ่ม ซึ่งถือว่าขนาดเล็กกว่าน้ำดื่มทั่วไป ทำให้ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้มากกว่า ไม่ว่าจะเป็น
  • ช่วยขับล้างสารพิษออกจากเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายได้ดี เนื่องจากกลุ่มโมเลกุลมีขนาดเล็กลง จึงซึมเข้าสู่เซลล์ง่ายและออกจากเซลล์ง่ายด้วยเช่นกัน ช่วยเอากรดของเสียที่ขับออกจากเซลล์เข้าสู่กระแสเลือดและกำจัดออกผ่านทางไต ทำให้ผู้ที่ดื่มน้ำด่างในช่วงแรกมีอาการมึนงง ซึ่งเป็นปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายที่ทุกคนต้องเจอ
  • น้ำด่างจะนำพาสารอาหาร, ออกซิเจนและสารต้านอนุมูลอิสระเข้าสู่เซลล์ได้สะดวก ร่างกายจึงรับสารอาหารได้ดี ช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • จากการวิจัยในประเทศจีน พบว่า หลังจากผู้ป่วยความดันโลหิต หรือมีระดับน้ำตาลและไขมันในเลือดสูงดื่มน้ำด่างเป็นเวลา 3-6 เดือน จะช่วยลดความหนืดของเลือด ลดความดันโลหิตและเบาหวาน
  • ร่างกายสดชื่นขึ้น อวัยวะต่าง ๆ ทำงานได้ดี เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
  • ทำความสะอาดลำไส้ ขับล้างพิษในร่างกาย ร่างกายดูดซึมอาหารและเสริมสร้างประสิทธิภาพของระบบเผาผลาญ
  • น้ำด่างอุดมไปด้วยแคลเซียม, โซเดียม, แมกนีเซียม และโพแทสเซียม ช่วยลดอาการขาดน้ำ, ป้องกันอาการอ่อนเพลีย

4. น้ำด่างใช้ในการประกอบอาหารได้ดี

น้ำด่างสามารถนำมาทำความสะอาดผักผลไม้ได้ เพราะจะช่วยกำจัดสารเคมีบนผิวของผักผลไม้, ช่วยคงสีให้สดเหมือนใหม่ หากนำน้ำด่างไปแช่ถั่วแห้ง จะช่วยให้ถั่วนิ่มลง ช่วยลดกลิ่นคาวของอาหารทะเลได้ อีกทั้งช่วยให้เนื้อสัตว์นุ่มขึ้นอีกด้วย น้ำด่างช่วยรักษารสชาติอาหาร ช่วยลดความขมและความเป็นกรดของอาหาร หรือแม้แต่ช่วยเพิ่มรสชาติของข้าว, พาสต้า, ซุป, สตูว์ และเครื่องเคียง เนื่องจากวัตถุดิบต่าง ๆ จะดูดซับน้ำระหว่างการทำอาหาร หากน้ำที่ใช้มีความกระด้างสูง อาจจะทำให้รสชาติผิดเพี้ยนไป นอกจากนี้ยังช่วยกักเก็บสารอาหารที่อาจจะถูกทำลายระหว่างกระบวนการปรุงอาหารอีกด้วย

เครื่องกรองน้ำดื่ม ราคาเท่าไหร่ ยี่ห้อไหนดี

เมื่อคุณรู้แล้วว่าควรดื่มน้ำอย่างไรให้ถูกวิธี และกำลังมองหาเครื่องกรองน้ำด่างคุณภาพดี การันตีด้วยรีวิวจากผู้ใช้มากมาย และบริการหลังการขายที่ดีเยี่ยม ทางเรา LIVE HEALTHY มีเครื่องกรองน้ำด่างจัดจำหน่ายหลากดีไซน์หลายประเภท ทั้งแบบตั้งโต๊ะและแบบตั้งพื้น เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าทุกท่าน เราเป็นผู้จัดจำหน่ายและให้บริการเครื่องกรองน้ำอัลคาไลน์ชั้นนำจากบริษัท KYK CO.,LTD ของเกาหลีมาอย่างยาวนานถึง 13 ปี ตัวเครื่องสามารถผลิตน้ำที่ให้ค่า pH ได้ถึง 9 ระดับ แถมยังมีอายุการใช้งานยาวนานมากกว่า 10 ปีขึ้นไป นอกจากการใช้งานที่คุ้มค่าแล้ว ทางเรายังมีบริการหลังการขายแบบ On Site Service โดยช่างผู้เชี่ยวชาญ พร้อมดูแลเครื่องกรองน้ำของท่านถึงที่บ้าน หากใครกังวลใจเรื่องไส้กรองตกรุ่น ทางเรามีไส้กรองพร้อมเปลี่ยนทันที สนใจสั่งซื้อหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมคลิกลิงก์นี้ได้เลยค่ะ

บทความที่น่าสนใจ

Shopping Cart