กินน้ำหวานทุกวัน อ้วนไหม

กินน้ำหวานทุกวัน อ้วนไหม ทำไมน้ำด่างถึงตอบโจทย์สุขภาพมากกว่า

น้ำหวานถือเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่ใครหลายคนต้องดื่มอย่างน้อยวันละ 1 วัน หรือบางคนอาจดื่มมากถึง 3 แก้วตามมื้ออาหารจนอาจเข้าขั้นเสพติดเลยก็ว่าได้ ว่าแต่กินน้ำหวานทุกวัน อ้วนไหม มีความเสี่ยงต่อสุขภาพในระยะยาวอะไรได้บ้าง แล้วมีวิธีที่ช่วยให้ลดปริมาณและหยุดกินน้ำหวานได้บ้าง วันนี้ Live Healthy มีคำแนะนำมาฝากค่ะ

กินน้ำหวานทุกวัน อ้วนไหม

อ้วนแน่นอนค่ะ เพราะน้ำตาลที่เราดื่มเข้าไปถูกเก็บสะสมเอาไว้ในตับในรูปแบบของไกลโคเจน (Glycogen) แต่เมื่อร่างกายของเราไม่ได้นำไกลโคเจนมาใช้เป็นเวลานาน แถมยังนำเข้าสู่ร่างกายมากขึ้นเรื่อย ๆ ผ่านการดื่มน้ำหวาน ก็จะทำให้ตับส่งกรดไขมันไปยังกระแสเลือดและสะสมไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นหน้าท้อง สะโพก ก้น ต้นขา ส่งผลให้รูปร่างดูอ้วนมากขึ้นนั่นเองค่ะ นอกจากนี้ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะไขมันพอกตับ โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ภาวะดื้อต่ออินซูลิน และอื่น ๆ อีกมาก

กินน้ำหวานทุกวัน อันตรายไหม

หากคุณกินน้ำหวานทุกวันก็จะทำให้ไกลโคเจนสะสมอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ ไขมันในเลือดสูง กระดูกพรุน รวมถึงเบาหวานอีกด้วย ยิ่งถ้าคุณมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพอยู่แล้ว เช่น นอนน้อย ทานแต่อาหารฟาสต์ฟู้ด สูบบุหรี่จัด ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย จัดการความเครียดไม่ดีพอ ก็อาจกระตุ้นให้ปัญหาสุขภาพรุนแรงมากยิ่งขึ้นด้วยค่ะ

กินน้ำหวานทุกวัน ก่อให้เกิดอะไรบ้าง

1. ผิวเหี่ยวย่น

หากร่างกายได้รับน้ำหวานเป็นเวลานานอาจก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ โดยน้ำตาลจะทำปฏิกิริยาและเปลี่ยนโครงสร้างของคอลลาเจนและทำให้ปริมาณอีลาสติน (Elastin) ลดลง ส่งผลให้ผิวที่เคยกระชับขาดความยืดหยุ่น ผิวเลยแห้งกร้าน เหี่ยวย่น มีริ้วรอยเพิ่มขึ้น

2. น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น

เมื่อน้ำตาลอยู่ในร่างกายมากเกินไปจะทำให้น้ำตาลถูกเปลี่ยนและสะสมกลายเป็นไขมันกระจายตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ส่งผลให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น

3. กระดูกฟันไม่แข็งแรง

เนื่องจากน้ำตาลที่มาจากน้ำหวานจะมีส่วนผสมของซูโครส (Sucrose) ซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่กระตุ้นให้แบคทีเรียภายในช่องปากเจริญเติบโตได้ดีและก่อให้เกิดคราบพลัก เหงือกอักเสบ และโรคฟันผุตามมาได้ในระยะยาว

4. ภาวะขาดน้ำ (Dehydration)

แม้ว่าน้ำหวานจะเป็นน้ำ แต่หากคุณดื่มน้ำหวานมากจนเกินไปก็จะทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำออกจากหลอดเลือดและเซลล์ต่าง ๆ ภายในร่างกายมากกว่าน้ำที่ได้รับ ส่งให้ผลระดับน้ำตาลในเลือดสูงและดึงน้ำออกจากเซลล์เพื่อรักษาสมดุลของระดับน้ำตาลภายในร่างกาย หากร่างกายขาดน้ำก็จะทำให้เซลล์เนื้อเยื่อและอวัยวะต่าง ๆ ทำงานผิดปกติและเกิดภาวะแทรกซ้อน ไม่ว่าจะเป็นภาวะกระหายน้ำบ่อย ๆ ร่างกายอ่อนเพลีย ผิวแห้งปากแห้ง ปัสสาวะน้อย ท้องผูกง่าย ปวดศีรษะ

ร่างกายขาดน้ำ ส่งผลเสียอย่างไร ต้องดื่มน้ำบ่อยแค่ไหน

5. ภาวะเลือดข้น (Polycythemia)

เป็นภาวะที่เกิดจากปริมาณพลาสมาหรือน้ำเลือดลดลง (Apparent Polycythemia) ส่งผลให้ไขกระดูกทำงานผิดปกติและผลิตเซลล์เม็ดเลือดมากเกินไป ส่งผลให้เลือดข้นขึ้นและไหลเวียนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายยากขึ้น สังเกตอาการได้จากใบหน้าที่แดงขึ้น เลือดกำเดาไหล มือแดงเท้าแดง วิงเวียนศีรษะ อ่อนเพลียง่าย ความดันโลหิตสูง เจ็บแน่นหน้าอก ฯลฯ หากปล่อยไว้นานอาจเสี่ยงต่อภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันหรือโรคหลอดเลือดสมองได้เช่นกันค่ะ

น้ำหวาน ควรกินกี่ครั้งต่อสัปดาห์

หากคุณต้องการเติมน้ำหวานให้ร่างกายสดชื่นจริง ๆ เราขอแนะนำให้ดื่มเพียง 3-4 แก้ว/สัปดาห์ จะดีที่สุดค่ะ แต่หากต้องการดื่มน้ำหวานให้ตรงกับช่วงวัยของคุณมากที่สุด เราขอแนะนำให้ดื่มตามความต้องการพลังงาน (กิโลแคลอรี/วัน) และปริมาณน้ำตาลที่ไม่ควรเกินต่อวัน (ช้อนชา/วัน) ดังนี้

  • วัยเด็ก (อายุ 6-13 ปี) ควรได้พลังงาน 1,600 กิโลแคลอรี/วัน ได้รับน้ำตาลไม่เกิน 16 กรัม (4 ช้อนชา/วัน)
  • วัยรุ่น (อายุ 14-25 ปี) ควรได้พลังงาน 2,000 กิโลแคลอรี/วัน ได้รับน้ำตาลไม่เกิน 16 กรัม (4 ช้อนชา/วัน)
  • วัยผู้ใหญ่ (ผู้หญิงอายุ 25-60 ปี) ควรได้พลังงาน 1,600 กิโลแคลอรี/วัน ได้รับน้ำตาลไม่เกิน 16 กรัม (4 ช้อนชา/วัน)
  • วัยผู้ใหญ่ (ผู้ชายอายุ 25-60 ปี) ควรได้พลังงาน 2,000 กิโลแคลอรี/วัน ได้รับน้ำตาลไม่เกิน 16 กรัม (4 ช้อนชา/วัน)
  • ผู้ที่ต้องใช้พลังงานมากกว่าปกติ เช่น นักกีฬา ผู้ใช้แรงงาน ควรได้พลังงาน 2,400 กิโลแคลอรี/วัน ได้รับน้ำตาลไม่เกิน 32 กรัม (8 ช้อนชา/วัน)

ดื่มน้ำหวานอย่างไรไม่ให้อ้วนง่าย

  • ลดระดับความหวานให้น้อยลงจาก 120-150% ลดเหลือ 25-50% แทน
  • งดดื่มน้ำอัดลมหรือน้ำผลไม้ที่เติมน้ำตาลทรายแล้วเปลี่ยนมาดื่มน้ำเปล่าแทน
  • กินผลไม้แทนน้ำหวานที่นอกจากจะช่วยให้ความหวานแล้ว ยังได้รับวิตามิน แร่ธาตุ และกากใยที่ดีต่อร่างกาย
  • ดื่มน้ำสะอาดให้ตรงตามความต้องการของร่างกาย
  • ออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อให้ร่างกายนำน้ำตาลและไขมันออกมาใช้

แม้ว่าการดื่มน้ำสะอาดจะช่วยให้สุขภาพของคุณดีขึ้นได้มากกว่าการดื่มน้ำหวาน แต่เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าน้ำที่เราดื่มเข้าไปเป็นน้ำสะอาด 100% เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าน้ำที่เราดื่มเข้าไปมีสิ่งปนเปื้อนอะไรบ้าง หากเราดื่มเข้าสู่ร่างกายก็อาจเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพได้ในอนาคตด้วยเช่นกัน ดังนั้นการดื่มน้ำจากเครื่องกรองน้ำจึงเป็นหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้ในระยะยาว

น้ำด่างคืออะไร ทำไมคนรุ่นใหม่ถึงเลือกดื่มกันมากขึ้น

บทความที่น่าสนใจ

เครื่องกรองน้ำ RO ทำไมต้อง Live Healthy

สำหรับใครที่ต้องการดื่มน้ำสะอาดและกำลังมองหาเครื่องกรองน้ำดื่มที่มีระบบกรองน้ำดื่มคุณภาพดี การันตีด้วยรีวิวจากผู้ใช้มากมาย และบริการหลังการขายที่ดีเยี่ยม ทางเรา LIVE HEALTHY มีเครื่องกรองน้ำด่างจัดจำหน่ายหลากดีไซน์หลายประเภท ทั้งแบบตั้งโต๊ะและแบบตั้งพื้น เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าทุกท่าน เราเป็นผู้จัดจำหน่ายและให้บริการเครื่องกรองน้ำอัลคาไลน์ชั้นนำจากบริษัท KYK CO.,LTD ของเกาหลีมาอย่างยาวนานถึง 13 ปี ตัวเครื่องสามารถผลิตน้ำที่ให้ค่า pH ได้ถึง 9 ระดับ แถมยังมีอายุการใช้งานยาวนานมากกว่า 10 ปีขึ้นไป นอกจากการใช้งานที่คุ้มค่าแล้ว ทางเรายังมีบริการหลังการขายแบบ On Site Service โดยช่างผู้เชี่ยวชาญ พร้อมดูแลเครื่องกรองน้ำของท่านถึงที่บ้าน หากใครกังวลใจเรื่องไส้กรองตกรุ่น ทางเรามีไส้กรองพร้อมเปลี่ยนทันที สนใจสั่งซื้อหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมคลิกลิงก์นี้ได้เลยค่ะ

Shopping Cart